ทม.หัวหินตรวจเชิงรุกผู้ประกอบการค้าในตลาดฉัตร์ไชยป้องกันโควิด-19
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วย นายมนตรี ชูภู่ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางวริยา อยู่เย็น หัวหน้างานป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ สมาชิกสภาเทศบาล นำเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองหัวหินลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกด้วยชุดทดสอบเอทีเค (Antigen Test Kit : ATK) ให้กับผู้ประกอบการค้าในตลาดฉัตร์ไชย ณ บริเวณทางเข้าด้านหน้าตลาดฉัตร์ไชย พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันโรคของทางเทศบาล HDC กระบวนการอนามัย ได้แก่ Hygiene คือ การดูแลสุขอนามัย เช่น การล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ในการป้องกันตนเอง Distancing คือการเว้นระยะทางสังคม และ Clean คือ การทำความสะอาด เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการภายในตลาดแห่งนี้ รวมถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์สำหรับประชาชนที่อาศัยในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน สามารถรับชุดตรวจโควิด-19 ATK โดยเข้าไปกดขอรับชุดตรวจที่แอพลิเคชัน “เป๋าตัง” และนำหลักฐานมาแสดงขอรับชุดตรวจได้ที่หน่วยบริการสาธาณสุขในเขตเทศบาล ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64
ด้านนางกัลยาณี ศิวธรรมปัญญา รักษาการศึกษาธิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าได้สำรวจข้อมูลนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ในสถานศึกษาทุกสังกัด ที่ประสงค์จะรับวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อเตรียมความพร้อมกลับไปเรียนที่โรงเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 พบว่ามีจำนวน 32,465 คน จากทั้งหมด 37,786 คน หรือร้อยละ 85.92 โดยจะฉีดให้กับเด็กระดับชั้น ม.1 - ม.6 ระดับอาชีวศึกษา รวมถึงนักเรียนประถมศึกษาบางส่วนที่อายุถึง 12 ปี โดยมีการจัดส่งวัคซีนล็อตแรก 15,600 โดส จากนั้นจะพิจารณาใช้สถานที่ฉีดในโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม สำหรับการฉีดเข็มแรกจะห่างจากเข็ม 2 ประมาณ 3-4 สัปดาห์
“ขณะนี้เร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองให้เห็นความสำคัญของการให้บุตรหลานฉีดวัคซีน โดยส่งคลิปวิดีโอให้กับผู้บริหารโรงเรียนนำไปเผยแพร่สร้างการรับรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนและการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากนั้นจะมีการสำรวจข้อมูลนักเรียนที่ต้องการรับวัคซีนอีกครั้ง เพื่อส่งรายชื่อเพิ่มเติมให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ เสนอขอรับวัคซีนมาฉีดให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่โดยเร็ว จากการสำรวจข้อมูลในรอบแรกพบว่ากลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษายังแสดงความประสงค์รับวัคซีนไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งมีประมาณ 5,000 คนจาก 7,000 คน” นางกัลยาณี กล่าว