"จุรินทร์" ลุยสุโขทัยมอบถุงน้ำใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ชาวบ้านพายเรือมาจับมือบอกอุ่นใจ ประกาศเดินหน้าประกันรายได้เกษตรกรปี 3
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 ต.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ อดีต ส.ส.สุโขทัย เขต 1 และนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย เขต 2 พบปะชมรมตระกูลไหหลำสุโขทัย และสมาคมพ่อค้า จ.สุโขทัย พร้อมมอบถุงน้ำใจบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผู้ประสบภัยน้ําท่วมในชุมชนต่างๆ ณ รรร.กวางตง เทศบาลเมืองสุโขทัย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจพี่น้องทุกคนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยตนมาใน 3 สถานะ คือ 1.รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ 2.หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ3.ประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ซึ่งมีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานมูลนิธินี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ยามที่พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศประสบภัยพิบัติไม่ว่ารูปแบบไหนน้ำท่วมก็ถือเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่ง ตนจัดงบประมาณก้อนหนึ่งของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นำถุงน้ำใจมามอบให้กับพี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวนมาก โดยมอบผ่านเทศบาลบริหารจัดการแจกจ่ายไปยังพี่น้องทุกคน คือภารกิจสำคัญ และจะได้มีโอกาสหารือกับหอการค้า ประธานหอการค้าสุโขทัยและนายกสมาคมไหหลำสุโขทัย นายกสมาคมพ่อค้าสุโขทัย จะไปหารือกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจการค้าและโควิดที่ประสบอยู่ และขอขอบคุณโรงเรียนกวางตงที่กรุณาอนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นประทับใจตั้งแต่นาทีแรกที่เดินเข้ามา
จากนั้นนายจุรินทร์ ได้เดินทักทายพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่กับชาวบ้านอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง และต่อมาทางสมาคมไหหนำและพ่อค้านักธุรกิจ จ.สุโขทัย ได้ร่วมเสวนาร้องทุกข์ในสถานการณ์วิกฤตโควิดและการเข้าถึงโครงการของรัฐในเรื่องต่างๆเพื่อนำเสนอให้นายจุรินทร์ ช่วยผลักดันโดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของรัฐและธนาคารต่างๆ
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายจุรินทร์ พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย และนายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ อดีต ส.ส.สุโขทัย เขต 1 นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย เขต 2 ได้ติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ณ วัดปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย โดยมีพาณิชย์และเกษตร 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมรับนโยบายผ่านทาง Zoom ด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้นอกจากตั้งใจมาเยี่ยมพี่น้องแล้ว ก็มาติดตามโครงการสำคัญ คือโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ได้ดำเนินการนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมาครบ 2 ปีเต็มแล้ว ปีนี้จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 เพราะถ้าไม่มีประกันรายได้ เวลาข้าวราคาลง จะมีรายได้ทางเดียวคือ จากที่ขายตามราคาตลาด แต่ถ้ามีประกันรายได้ จะมีรายได้ 2 ทาง คือ 1.เอาข้าวไปขายที่โรงสีในราคาตลาดและ 2.ส่วนต่างจากรายได้ที่รัฐบาลประกัน รวมแล้วตามรายได้ที่ประกัน นี่คือนโยบายที่ช่วยแก้ปัญหาให้พี่น้องในยามที่พืชเกษตรราคาตก โดยเฉพาะวิกฤตน้ำท่วมเช่นวันนี้ ชัดเจนว่าเมื่อมีหลักประกันรายได้แล้วทำให้เกษตรกรมีทางรอด
"สำหรับปีที่ 3 นี้ ผมได้ลงนามเสนอคณะรัฐมนตรีไปเกือบทั้ง 5 ตัวแล้ว เพื่อที่จะได้เดินหน้าประกันได้เกษตรกรปี 3 ต่อไป ช่วยกันยามที่พืชทั้ง 5 ชนิดราคาตก และเตรียมเงินไว้ วันนี้ถือโอกาสมารายงาน สำหรับข้าวเตรียมเงินไว้ 150,000 ล้านบาท มันสำปะหลังเตรียมไว้ 7,100 ล้านบาท ข้าวโพด เตรียมเงินไว้ 1,900 ล้านบาท ปาล์ม 8,000 ล้านบาท ยางพารา 10,000 ล้านบาท รวม 178,000 ล้านบาท และสำหรับกรณีน้ำท่วมที่นา เสียหายให้รีบรายงานเกษตรจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรวบรวมตัวเลขเสนอ ครม.จ่ายเงินชดเชยให้และฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดจ่าย และข้าวยังได้รับเงินส่วนต่างอยู่ในกรณีที่น้ำท่วม ให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ได้รับทราบด้วยและเร่งรัดดำเนินการให้ชาวบ้านทราบ" นายจุรินทร์ กล่าว
จากนั้นนายจุรินทร์ ใช้โอกาสในการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กและ Zoom แจ้งทั้งพาณิชย์และเกษตรจังหวัด ให้รับทราบถึงการเดินหน้านโยบายและการขึ้นทะเบียน พร้อมตอบข้อซักถามจากเกษตรกรทุกข้อ จากนั้นช่วงหนึ่งมีนางกันทิมา กิมขาว ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ข้าวโพด ได้ขอจับมือนายจุรินทร์และกล่าวว่า วันนี้พายเรือมาเพื่อพบกับท่านรองนายกฯ ขอจับมือหน่อย" เมื่อจับแล้วนายจุรินทร์ถามว่าเป็นอย่างไร ชาวบ้านคนนั้นกล่าวตอบว่า "จับแล้วอุ่นใจ" จากนั้นนายจุรินทร์ได้ให้กำลังใจ พร้อมประกาศเดินหน้านโยบายประกันรายได้ ปี 3 ต่อไป โดยยืนยันว่าโครงการนี้ต้องเดินหน้าเพราะเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อตอนเข้าร่วมรัฐบาลโดยเป็นเงื่อนไขการเข้ามาทำงานให้ประชาชนในเรื่องนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ และถือว่าเป็นนโยบายรัฐบาลที่สำเร็จมาแล้ว 2 ปี ก่อนจะไปเตรียมงบประมาณและขั้นตอน เพื่อเดินหน้าปี 3 ต่อไป