สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง 14 ชาติ ต่างส่งเสียงคัดค้านการตัดสินใจของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่ประกาศรับรองให้เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ระหว่างการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี อีก 14 ประเทศที่เหลือ ต่างไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่ให้การรับรองเยรูซาเลม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ระหว่างการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (ศุกร์) ซึ่งมีบางคนแสดงความเสียใจ และบางคนแสดงความไม่พอใจต่อสหรัฐ สมาชิกยูเอ็นเอสซีชาติที่ 15 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐถูกโดดเดี่ยวจากการปกป้องอิสราเอล พันธมิตรใกล้ชิด ในองค์กรที่ทรงอิทธิพลที่สุดของยูเอ็นแห่งนี้ ทั้งนี้ หลายสิบปีที่ผ่านมา สหรัฐมักใช้สิทธิ์วีโต้ หรือยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหลายครั้งที่ตัวเองมองว่า จะสร้างความเสียหายต่ออิสราเอล
แต่ครั้งนี้ เป็นการประณามการกระทำของสหรัฐที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากสมาชิกที่เหลือของยูเอ็นเอสซี และทั่วโลก ที่ต่างมองว่า เป็นการละเมิดมติยูเอ็น ที่ระบุว่าเยรูซาเลมเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขโดยอิสราเอลและปาเลสไตน์ ผ่านการเจรจาสันติภาพ เพื่อแก้ปัญหา 2 รัฐ
นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังร่างข้อเสนอสันติภาพตะวันออกกลางฉบับใหม่ และสหรัฐยังยึดมั่นในกระบวนการสันติภาพมากกว่าที่ผ่านมาด้วย และเชื่อว่า สหรัฐอาจเข้าใกล้เป้าหมายมากกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้ให้รายละเอียด แต่บอกว่า ข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในอดีต ลงนามกันที่สนามหญ้าในทำเนียบขาว และหากมีข้อตกลงฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้น ก็จะลงนามกันที่เดิม
แต่นายริยาด แมนซูร์ เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำยูเอ็น ซึ่งพูดหลังสมาชิกชาติอื่น กล่าว่า การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลทรัมป์ ได้บ่อนทำลายและทำให้สหรัฐขาดคุณสมบัติสำคัญในความเป็นผู้นำแสวงหาสันติภาพในภูมิภาค เพราะสหรัฐมีอคติเข้าข้างอิสราเอล พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ประณามในสิ่งที่เขาเรียกว่า เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความรับผิดชอบของสหรัฐ
ส่วนนายแดนนี แดนอน เอกอัครราชทูตยูเอ็นของอิสราเอล ซึ่งกล่าวทันทีหลังจากนั้น ชื่นชมความกล้าหาญของทรัมป์ และเรียกร้องให้ทุกชาติปฏิบัติตามสหรัฐ ด้วยการยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และย้ายสถานทูตไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้