ศึกสายเลือดฟ้อง "อาหลอง"พร้อมภรรยา

2017-12-09 12:30:40

ศึกสายเลือดฟ้อง "อาหลอง"พร้อมภรรยา

Advertisement

ศึกสายเลือดตระกูลดัง พี่สาวภรรยาฟ้อง “อาฉลอง”กับน้องสาว หลังถูกให้ออกจากกรรมการบริษัทโดยไม่ได้รู้เห็นยินยอม

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ชั้น 2 บัลลังก์ 7 น.ส.รวิสรา อินทรีย์ อายุ 45 ปี พร้อม นายสุเมธ อินทร์ทอง ทนายความ และพยาน เข้าเบิกความต่อศาลในคดีหมายเลขดำ ที่ 3243/2560 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญฉลอง ภักดีวิจิตร จำเลยที่ 1 และ น.ส.พิมพ์สุภัค อินทรีย์ ภักดีวิจิตร จำเลยที่ 2 ในความผิด พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และ มูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 42 (2)



สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ พร้อมลงข้อความอันเป็นเท็จในสาระสำคัญ ว่า ได้จัดการประชุมวิสามัญคณะกรรมการ ครั้งที่ 1 /2560 โดยตัดรายชื่อโจทก์ออกจากการเป็นกรรมการโดยพลการ ทั้งที่ความเป็นจริงโจทก์ไม่ได้รับหนังสือเชิญคณะกรรมการเข้าประชุม และรู้เห็นยินยอมด้วย ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจในการบริหารงานในฐานะกรรมการและผู้ถือหุ้น ต้องขาดประโยชน์อันควรได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ขอให้ศาลออกหมายนัดและเรียกจำเลยทั้งสอง มาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป โดยศาลนัดอ่านคดีนี้ในวันที่ 21 ธ.ค.2560 เวลา 09.00น.




น.ส.รวิสรา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาของคุณฉลองซึ่งเป็นน้องสาวตน ได้ชักชวน ให้มาร่วมลงทุนเปิดบริษัทดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจย้ายครอบครัวจากอเมริกาเพื่อร่วมลงทุนให้เขาสร้างละครเรื่องทิวลิปทอง โดยควักเงินลงทุนเองเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ เรายังเป็นคนจัดงานแต่งงานให้และ ส่งเสียให้น้องคนนี้เรียนหนังสือไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ รู้สึกเสียใจมาก ที่ช่วยเพราะอยากให้เขาได้ดี แต่กลับมาพูดว่าเราไม่ใช่เจ้าของบริษัทไม่มีส่วนร่วมเลยจึงค่อนข้างเสียใจ ที่จริงนามสกุลของคุณพ่อก็คือ บริษัทอินทรีอยู่แล้ว เราก็อยากให้ บริษัทอินทรีมาผงาดในวงการบันเทิงแต่บินไปได้แค่เรื่องเดียวก็เกิดปัญหา ถ้าน้องสาวมาเคลียหรือพูดคุยยืนยันจะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้นยังยืนยันคำเดิมให้เป็นอำนาจของศาล

ขณะที่นายสุเมธ ทนายความโจกท์ กล่าวว่า วันนี้ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดไต่สวนมูลฟ้องในข้อหา พ.ร.บ.ห้างหุ้นส่วนจำกัด พฤติการณ์คือแก้ไขในส่วนของน.ส.รวิสราออกจากการเป็นกรรมการและแก้ไขบัญชีผู้ถือหุ้นโดยคุณรวิสราไม่ได้จำหน่ายจ่ายโอนไปเลย ซึ่งเจ้าตัวคงจะทราบดี โดยศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและนัดฟังคำสั่งอีกทีในวันที่ 21 ธ.ค. หากผิดจริงจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ตอนนี้คุณรวิสราก็ไม่ได้ไปบริหารบริษัทและไม่มีอำนาจเลย ซึ่งต้องรอดูว่าศาลท่านจะประทับรับฟ้องหรือไม่