รวบแก๊งคอลเช็นเตอร์ลวงเหยื่อสูญ 120 ล้าน

2017-12-07 15:15:00

รวบแก๊งคอลเช็นเตอร์ลวงเหยื่อสูญ 120 ล้าน

Advertisement

ตำรวจไทยจับมือทางการเขมร รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ 21 รายพร้อมของกลาง มูลค่าความเสียหาย 120 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทนที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย โดยมีนายอภิชาติ กัณวิสิฐ เป็นหัวหน้าในระดับผู้สั่งการ และมีนายบุญส่ง คำตัน นายแสงเมือง ลุงออ เป็นคนดูแลคอลเซ็นเตอร์ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังมีการจับชาวต่างชาติที่เข้าร่วมขบวนการได้อีก 3 ราย คือนายซู โป ชู นายทังเกียวยู และ นายลิน จีนาเว่ย สัญชาติใต้หวัน พร้อมของกลางโทรศัพท์สำนักงาน โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร หนังสือเดินทาง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค



สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า แก๊งดังกล่าวจะมีเครือข่ายอยู่ทั้งภายในและต่างประเทศ มีหัวหน้าใหญ่คนสั่งการ โดยพฤติกรรมแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ติดต่อผู้เสียหายลวงให้ เหยื่อเกิดความหวาดกลัวและหลงเชื่อ ว่ามีข้อมูลทางการเงินพัวพันกับองค์กรอาชญากรรม จะต้องถูกดำเนินคดีอายัดทรัพย์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินผ่านบัญชีผู้รับจ้างเปิดบัญชี จากนั้นมีคนที่ทำหน้าที่กดเงิน รวบรวบฟอกเงินและกระจายเงินผ่านระบบบิตคอยน์ บริษัททัวร์โพยก๊วน แล้วเงินก็จะถูกนำไปรวบรวมที่กลุ่มผู้ดำเนินการระดับบริหารทั้งไทยและจีน ก่อนเงินจะกลับไปสิ้นสุดที่หัวหน้าใหญ่ที่สั่งการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 120 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น อยู่ในประเทศเกินกำหนดเวลา

การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ 146 หมายจับ ดำเนินการจับกุมได้ 98 หมายจับ ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับ และอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม 41 หมายจับ ทั้งนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด ส่วนข้อมูลขณะนี้เชื่อว่า ยังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดี ข้อหาฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น และ มีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ สำหรับการดำเนินการครั้งนี้ เป็นความร่วมมือของตำรวจไทยและทางการกัมพูชา ซึ่งมีการส่งผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยที่อยู่ในกัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยด้วย