"ราชทัณฑ์"ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง พร้อมให้ จนท.เรือนจำก่อเหตุยิงครอบครัวออกจากราชการไว้ก่อน เบื้องต้นไม่พบปัญหาจากการทำงาน
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพิจิตร ก่อเหตุยิงผู้อื่นด้วยอาวุธปืนที่บ้านพักส่วนตัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งเป็นคนในครอบครัวและญาติของภรรยา เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายพุทธวรรณ มั่นปาน เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานสูทกรรม สังกัดเรือนจำจังหวัดพิจิตร โดยใช้อาวุธปืนส่วนตัวยิงคนภายในครอบครัวเสียชีวิต 4 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ในวันก่อเหตุ นายพุทธวรรณ อยู่ระหว่างการพักเวรปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 7 วัน (วันที่ 3-9 ก.ย.) ในบ้านพักของตนเองตามปกติ ตามแผนบริหารกำลังพลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าเกิดจากปัญหาภายในครอบครัว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่พบว่ามีปัญหาหรือขัดแย้งกับผู้ใดในการทำงาน กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อผู้สูญเสียทุกฝ่าย และขณะนี้ได้ดำเนินการรวบรวมพยานเอกสารหลักฐาน และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว และจะเร่งดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ และผู้อำนวยการทัณฑสถานทั่วประเทศ ให้ดูแลบุคลากรในสังกัดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เจ้าหน้าที่ ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติงานที่ตรากตรำมากกว่าปกติ การบริหารกำลังพลจึงต้องพิจารณาให้มีความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียทั้งต่องานที่ทำและต่อผู้ปฏิบัติงานได้ โดยในส่วนของการเยียวยาผู้เสียหาย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อเข้าช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายเป็นการเร่ง ด่วนแล้ว
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นประเด็นที่กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญและมีความห่วงใยอยู่เสมอ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับเพิ่มตำแหน่งนักจิตวิทยา ให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และดูแลในด้านสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้สามารถสร้างสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม ไม่ให้เกิดผลเสียต่อประสิทธิภาพในการทำงาน หรือสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงการดำเนินชีวิต และครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานได้ในอนาคต