มวลน้ำป่าทะลักอั้นไม่ไหวสั่งปิดสนามบินเมืองคอน 2 วัน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 7 ราย ทหาร มทบ.41 ระดมกำลังแจกจ่ายอาหารให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเร่งด่วน!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วมเต็มพื้นที่ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงมาจากฝนตกหนักในพื้นที่เทือกเขา ซึ่งอยู่ตอนกลางของจังหวัดก่อนจะไหลลงสู่ที่ต่ำในด้านทิศวีนออกและทิศตะวันตก ลงผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงทุกปี ซึ่งตลอดทั้งวัน สบก.นครศรีธรรมราช ได้รับการแจ้งรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นในทุกอำเภออย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชไม่เว้นถนนราชดำเนินถูกน้ำท่วมเป็นช่วง ๆ ที่น่าวิตกกังวลมากที่สุดคือที่บริเวณหน้า รพ.มหาราช น้ำท่วมผิวการจราจรสูงเฉลี่ย 30 ซม. แม้ว่าทาง รพ.มหาราช จะมีระบบการป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ด้านในของ รพ.ก็ตาม แต่หากน้ำท่วมบนถนนเกิน 80 ซม. การป้องกันก็ไร้ผลน้ำจะทะลักเข้าท่วมพื้นที่ด้านในส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาล เช่นเดียวกับ รพ.ท่าศาลาอย่างแน่นอน ในขณะที่เมื่อเย็นวานนี้ (6 ธ.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นำคณะเข้าตรวจสอบคันดินแนวคันป้องกันน้ำป่าทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช พร้อมกำชับให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและทุ่มเทป้องกันสุดกำลังตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2560ได้มีมวลน้ำจำนวนมากที่ไหลจากน้ำตกอ้ายเขียว เทือกเขาหลวง ในพื้นที่ อ.พรหมคีรีได้ไหลเอ่อมาอยู่รอบแนวคันดินท่าอากาศยาน โดยเฉพาะในจุดที่เป็นที่ลุ่ม แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามเสริมแนวคนดินต่อเนื่องแต่เนื่องจากมวลน้ำมีจำนวนมาก และคันดินรอบแนวสนามบินกว้างขวางนับร้อยไร่ ทำให้มีน้ำค่อย ๆ ซึมเข้าสู่พื้นที่ด้านใน และไหลไปรวมกันบริเวณลานกลับลำหัวทางวิ่งที่ 1 9ในส่วนของระบบไฟฟ้าบางจุดสนามบินและเครื่องช่วยทางเดินอากาศไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด
ทางด้านนายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศปิดท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเป็นเวลา 2 วันระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคม2560 เนื่องจากพบปริมาณน้ำท่วมขังบริเวณลานกลับลำหัวทางวิ่งที่ 1 9ในส่วนของระบบไฟฟ้าบางจุดสนามบินและเครื่องช่วยทางเดินอากาศไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารทุกท่าน ท่าอากาศยานจึงขอปิดให้บริการชั่วคราวเป็นเวลา 2 วันดังกล่าว และสามารถสอบถามได้ที่กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช 075-450545 หรือ 090-2780665 หรือโทรสอบถามมาที่ตนหมายเลข 081-4839736ตลอดเวลา
ทางด้าน ศบก.เฉลิมพระเกียรติ ได้รับรายงานจากตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราชว่า เมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค. ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุจมน้ำเสียชีวิตเบื้องต้นชื่อนายฉ้วน ผอมดุก อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 6 ต.สวนหลวง จมน้ำเสียชีวิตอยู่ข้างถนนคอนกรีต เหตุเกิด หมู่11 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้วก่อนมอบศพให้กับญาตินำศพไปจัดการตามประเพณีต่อไป
ขณะเดียวกันนายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ไปเป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่มจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสรุปสถานการณ์และติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและการร้องของอำเภอต่าง ๆ โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์อุทกภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ตอนบนของโซนเทือกเขาหลวงหลังฝนหยุดตกต่อเนื่องกว่า 10 ชม. ทำให้น้ำที่ท่วมในพื้นที่โซนเทือกเขาตอนกลบาง เช่น บานสกา พรหมคีรี พิปูน ฉวาง ช้างกลาง และนบพิตำ ลดระดับลงแล้ว แต่มวลน้ำได้ไหลลงไปยังพื้นที่รับน้ำที่อยู่ตอนกลางและปลายน้ำ ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งอำเภอในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นที่ริมลุ่มน้ำตาปี ยังถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ถนนหลายสายยังถูกน้ำท่วมขังทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ล่าสุดถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง หน้า ม.รามคำแหง อ.พระพรหม และถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี น้ำลดแล้วสามารถรถสัญจรไปมาได้ตามปกติแล้ว ส่วนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชน้ำยังท่วมถนนและตรอกซอกซอยต่างๆ ระดับน้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆ สำหรับถนนหมายเลข 4015 ลานสกา-เขาธง-ช้างกลาง-ฉวาง สามารถสัญจรได้ตามปกติแล้ว ซึ่งในภาพรวมจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัย 23 อำเภอ 160 ตำบล 1,428 หมู่บ้าน 56 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 459,881คน 145,967 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 7 คน โรงเรียนหยุดเรียน 287 โรง ส่วนมูลค่าความเสียหายยังอยู่ระหว่างสำรวจ
ทางด้าน พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผบ.ค่ายฝึกรบพิเศษสิชล พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ขนอม ท่าศาลา และ อ.สิชล โดยพบว่าสภาพพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง วัด โรงเรียน บ้านเรือนของชาวบ้านจมมิดอยู่ใต้น้ำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบถนน และสะพานซึ่งถูกกระแสน้ำจากเทือกเขาหลวงไหลลงมาอย่างเชี่ยวกรากและรุนแรง จนทำให้ถนนสายหลัก สายรอง และในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงจนรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยในพื้นที่ บ้านน้ำร้อน หมู่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล ซึ่งกระแสน้ำพัดถล่มจนสะพานข้ามคลองขาดทั้ง 2 ข้างเป็นระยะกว้างกว่า 20 เมตรชาวบ้านจึงถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยปริยาย และมีการใช้เชือกป่านมาทำเป็นสะพานสะลิง หรือสะพานเชือกใช้โรยต่อผ่านไปมาอย่างทุลักทุเลและสุดระทึก โดยการบินสำรวจในครั้งนี้พบว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ยังจมอยู่ใต้น้ำ แต่หากฝนหยุดตกสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในระยะเวลา 3-5 วัน
ขณะที่ พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 พร้อมด้วย ประธานชมรมแม่บ้าน ทบ. สาขา มทบ.41 และชุด ชป.ศบภ.มทบ.41 จำนวน 20 นาย เดินทางเข้าพื้นที่ชุมชนบ้านบ่อทรัพย์ ในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งถูกน้ำท่วมระดับสูง เพื่อให้กำลังใจประชาชน และได้นำข้าวกล่อง จำนวน 200 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม มอบให้ประชาชนในชุมชนบ้านบ่อทรัพย์อีกด้วย ซึ่งในชุมชนมีระดับน้ำ 1-2.5 เมตร ทำให้เด็ก และคนชราจำนวนหนึ่ง ต้องอพยพไปยังโรงเรียนเทศบาลเสมาเมือง อ.เมือง จนกว่าระดับน้ำจะลดลงถึงจะกลับบ้านได้.