"พิธา" ชี้นายกฯ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจรองบ๊วย สะท้อนความชอบธรรม แนะยุบสภาทางออกดีที่สุด
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส. เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังผลมติการไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเสร็จสิ้นลง
นายพิธา กล่าวว่า จนถึงเวลานี้ตนคิดว่าทุกท่านคงจะเห็นถึงผลการลงมติ สำหรับพรรคก้าวไกล ผิดหวังกับผลการลงมติที่ออกมา เสียดายกับระบบรัฐสภาของเราไม่ยึดโยงความเป็นจริงบนท้องถนนและความทุกข์ยากที่พี่น้องประชาชนต้องประสบอยู่ เสียดายโอกาสถอดสลักเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่เผชิญ สำหรับผลที่ออกมาถ้าทุกคนดูตัวเลข จะเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับเสียงไว้วางใจรองบ๊วย ในทางกลับกันนับเสียงที่ไม่ไว้วางใจนี่คือตัวเลขที่สูงที่สุด ประกอบกับความวุ่นวายในสภาที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา ในเรื่องของความชอบธรรมและเรื่องภาวะผู้นำคิดว่าตอนนี้มีปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองที่ไม่แน่นอน และมีโอกาสนำไปสู่การยุบสภาได้ในเร็ววันนี้ ในประวัติศาสตร์การเมืองเห็นได้จาก คณิตศาสตร์การเมือง ความชอบธรรมของรัฐบาลที่สะท้อนออกมาในช่วงเวลาไม่กี่วัน ไม่กี่อาทิตย์หลังจากที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีประวัติศาสตร์ที่สามารถบอกพวกเราได้อยู่
“การทำงานต่อไปของพรรคก้าวไกล หากทุกท่านจำได้เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาหลังจากอภิปรายในครั้งเเรก เมื่อเรากรีดแผลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว เราก็จะมียุทธการโรยเกลือในวาระที่ 2 มี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ยื่นกรมสรรพากรให้ตรวจสอบการเสียภาษีของบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เกี่ยวกับรถบัสของกองทัพบก เเละนายธีรัจชัย พันธุมาศ ได้ยื่นต่อองค์กรอิสระเรียบร้อยเเล้ว ในคราวนี้ข้อมูลอภิปรายของส.ส.ทั้ง 10 คน จะนำไปทำงานต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องสัมปทานจำเเลงของนายรังสิมันต์ โรม เเละการสอดเเนมของพี่น้องประชาชน หรือเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนของ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เเละผมเองที่ได้อภิปราย โดยเราจะเดินหน้าทำงานต่อเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน"นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า การอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาลครั้งนี้ อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่ได้คาดหวังไว้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดและมีประโยชน์มาก คือการควบคุมวาระสังคมได้อย่างชัดเจน สังเกตได้จากเมื่อเรายื่นอภิปรายแก่รัฐสภา เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดลดลงเห็นได้อย่างชัดเจน หากเราอภิปรายไม่ไว้วางใจต่ออีกสัก 2 อาทิตย์ อาจจะไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดเลยก็ได้ ในแง่ดีจะเห็นว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยอดเกือบไปถึงล้านคนในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงแม้ว่าจะผักชีโรยหน้าไปหน่อย หรือตั้งใจที่จะตรวจให้น้อยเพื่อให้ยอดคนติดเชื้อน้อยลง แต่ราคาผักชีมันก็ขึ้น ก็ยังสามารถที่จะควบคุมวาระของสังคมได้ และจะเห็นได้จากข่าวที่ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขจะหยุดนำเข้าวัคซีนซิโนแวค
"เราจะเดินหน้าทำงานต่อ ในการนำอาวุธสำคัญในการสยบวิกฤติโควิด ไม่ว่าจะเป็น วัคซีน การตรวจแบบ ATK และยาในการรักษา และปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆในประเทศไทยที่จะกลายเป็นแผลเป็น เราจะทำงานเดินหน้าต่อไป ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ติดตามการอภิปรายของพวกเรา ขอบคุณสื่อมวลชนที่คอยรายงานข่าวเเละสื่อสารให้กับพรรคก้าวไกล รวมถึงขอบคุณเพื่อนส.ส.ทุกคนของพรรคทั้งที่ได้อภิปราย เเละไม่ได้อภิปรายในการทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผมภูมิใจมากที่สุด"นายพิธา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงมติไม่ไว้วางใจคะเเนนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมารองบ๊วยนั้น รัฐบาลต้องพิจารณาตนเองหรือไม่ พิธากล่าวว่า แน่นอนนั่นคือสัญญาณที่ส่งไปยังแกนนำผู้นำของรัฐบาล ของเเต่ละพรรค ที่จะตัดสินกุมชะตาชีวิตของพี่น้องประชาชนในระยะยาว โดยเราจะนำสิ่งที่เกิดในครั้งนี้มาถอดบทเรียนเเละวิเคราะห์ ว่ามีการเเตกเเยกในรัฐบาลอย่างไรบ้าง ซึ่งมันสะท้อนถึงความชอบธรรม เเละเสถียรภาพของรัฐบาลในประเทศที่มันวิกฤตขนาดนี้ ตนเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชนในการตัดสินใจ หากดูในต่างประเทศที่มีปัญหาเกี่ยวกับวิกฤติโควิดจะพบว่า การยุบสภาเเล้วได้ฉันทามติจากสังคมกลับมาใหม่คือการแก้วิกฤติโควิดที่ดีขึ้น ตนคิดว่ากระดานการเมืองมันน่าจะเป็นแบบนี้ การควบคุมวาระของสังคม ระบบของประชาธิปไตย การที่ประชาชนส่งเสียงนอกสภา การออกชุมนุมก็ดี การส่งข้อมูลมาให้เราก็ดี แล้วสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ผลที่เกิดขึ้นอาจจะช้าไปหน่อย เเต่ก็อย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในเรื่องวัคซีนที่ฉีดมากขึ้นช่วงนี้ ประชาชนยังได้ประโยชน์ในระยะสั้น และผลคะเเนนที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำความไม่ลงรอย เเละเสถียรภาพของรัฐบาล เสียดายระบบของรัฐสภาที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน คงต้องใช้เวลาให้รัฐสภากับประชาชนเป็นไปด้วยกันให้มากขึ้น