รมว.ดีอีเอสโต้ "โรม"ยันไม่มีการเอื้อประโยชน์เอกชน ยันเข้ามาทำงานกระทรวงดีอีเอสภารกิจหลักปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ว่าจงใจใช้อำนาจรัฐมนตรีในการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ในคดีพิพาทดาวเทียมไทยคม ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 10 ก.ย. นี้ สัมปทานนี้ทำให้เกิดผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่หลายฝ่ายจ้องเข้ามาตักตวง 2 ก้อน ได้แก่ 1. ผลประโยชน์จากดาวเทียมที่ตกเป็นคดีข้อพิพาทระหว่างกระทรวงดิจิทัลฯ กับไทยคม ตามสัญญาสัมปทานปี 2534 2. ผลประโยชน์จากดาวเทียมดวงอื่นๆ ที่อยู่ในสัญญาสัมปทานนี้ ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 ก.ย. 2564 โดยปกติแล้ว เมื่อมีคดีพิพาท รัฐมักติดต่อไปยังอัยการสูงสุดให้จัดหาพนักงานอัยการมารับตำแหน่งอนุญาโตตุลาการ เมื่อจัดหาแล้วจะเสนอชื่อให้กับทางกระทรวงแล้วกระทรวงต้องนำไปแจ้งกับคู่ความอีกฝ่ายในเวทีพิจารณาคดีต่อไป ซึ่งก่อนหน้าที่นายชัยวุฒิจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีอะไรปรากฏว่ามีการเอื้อประโยชน์หรือล้มคดี แต่ภายในเวลาเพียง 6 เดือนมีความพยายามเปลี่ยนอนุญาโตตุลาการถึง 3 ครั้ง จนน่าสงสัย
นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่า มีการใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนหรือไม่ เพราะชัยวุฒิเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการในช่วงตนต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาบริษัทเอกชน ทยอยเข้าซื้อหุ้นในบริษัทซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทไทยคม ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.2563 จนกระทั่งวันที่ 18 เม.ย.2564 หลังชัยวุฒิเข้ามาเป็นรัฐมนตรีแล้ว สุดท้ายแล้ว ผลประโยชน์ในวงการดาวเทียม จะถูกกินรวบเข้าไปอยู่ในมือของนายทุนทั้งหมด ปัญหาการกินรวบที่เกิดจากกลุ่มทุน ที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจผูกขาด เราอาจจะเปรียบเปรยว่าแทบไม่แตกต่างกับปรสิตที่กัดกินสังคมไทยไม่ให้พัฒนา หนทางเดียวที่จะรักษาอาการป่วยของประเทศนี้คือ การทลายปรสิตการเมือง ซึ่งนั่นคือ การจัดการทุนผูกขาด ทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเสรี
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ชี้แจงว่า การที่ท่านใช้คำว่าระบบปรสิต กำลังดูถูกสมาชิกทุกคนที่อยู่ในสภาแห่งนี้เราทุกคนมาจากการเลือกตั้ง และถือเป็นการปรามาส ตลอดเวลาที่ตนทำงาน ตนไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใคร ไม่เคยทุจริตคดโกง ยืนยันว่าไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้บริษัทอย่างที่กล่าวหา แต่เมื่อตนเข้ามาทำหน้าที่ในกระทรวงก็ทราบปัญหาเรื่องดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 จะส่งมอบมาให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ การเปิดประมูลวงโคจรดาวเทียมในช่วงที่ผ่านมามีผู้เข้ายื่นประมูลเพียงรายเดียว และได้สัญญาสัมปทานแน่นอน แต่ตนได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการ กสทช.ว่าไม่เห็นด้วยกับการจัดประมูล จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ทบทวนการประมูลวงโคจรดาวเทียมให้เลื่อนออกไปก่อน เพราะเห็นว่ายังไม่เหมาะสม ไม่ต้องรีบร้อน และ กสทช.ยังเป็นชุดรักษาการ และอยู่ระหว่างการสรรหาและกรรมการชุดใหม่
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า อยากให้เข้าใจว่าที่เข้ามาทำงานในกระทรวงดีอีเอสภารกิจหลัก คือ การปกป้องรักษา สถาบันหลักของชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพราะวันนี้สถาบันหลักของชาติของเรา กำลังถูกบ่อนทำลาย โดยการใช้โซเชียลมีเดียสื่อสาร ซึ่งมีการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย และทั้งหมดเป็นข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน เป็นข้อมูลที่ทำให้คนเกลียดชังกัน รวมถึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยรับไม่ได้ เพราะเป็นการทำเพื่อล้างสมองคนรุ่นใหม่ เป็นเครื่องมือทางการเมือง และเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง บางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ ผมจึงมีทำหน้าที่ปกป้องอย่างถึงที่สุด ท่านอาจจะไม่ไว้วางใจผม เพราะเรามีความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ผมเข้าใจ แต่ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศเข้าใจผม เข้าใจภารกิจที่กระทรวงต้องทำ เพื่อรักษาความสงบสุขในบ้านเมืองและเพื่อปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ต้องเข้มแข็ง คงอยู่เพื่อคนไทยทุกคน จึงอยากขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิกทุกคนเรามาช่วยกันทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ