นายกฯยันกองทัพซื้ออาวุธไม่มีผลประโยชน์ กังขาม็อบปิดทางไปบ้านทำจราจรติดขัด ประชาชนเดือดร้อนทำเพื่ออะไร
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า สัญญาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของแต่ละเหล่าทัพเป็นไปตามขั้นตอน ขออย่ามองว่ามีการทุจริตกัน ส่วนการจัดหายานยนต์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพบก รมช.กลาโหมได้ชี้แจงไปแล้ว มีเอกสารสามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตและตนไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับใคร หรือจัดคนขึ้นไปเรียกรับผลประโยชน์มาให้กับตน ตนพยายามตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต ก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการของศาล ถ้าคิดว่ามีหลักฐานเพียงพอ ส่วนที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย บอกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นบิดาแห่งเรือดำน้ำ ตนเห็นว่าไม่เหมาะสม เป็นเจตนาเอามาตัดต่อภาพ
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจ ที่ถามว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ละเลยและในปีที่ผ่านมาการปฏิรูปไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ในคราวเดียวทั้งหมด แต่มีการทยอยทำในส่วนที่สามารถทำได้โดยมีการพยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิรูปการทำงานของตำรวจในด้านต่างๆ ถ้าจะบอกว่ามีคนนั้นคนนี้ทำความผิด ถามว่าสัดส่วนของคนที่ทำความผิดกับจำนวนเจ้าหน้าที่กี่แสนคน ที่ต้องดูแลประชาชนกี่ล้านคนต้องไปดูในภาพใหญ่นี้ด้วย และ ส.ส.ปลอดภัยทุกคนที่ที่มานั่งในห้องประชุมอย่างปลอดภัย ใครดูแลท่าน ก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายความมั่นคงทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าตนมาทำตรงนี้เอากฎหมายตำรวจ กฎหมายทหารมาปกป้องตัวเอง เพราะฉะนั้นใครจะมาทำอะไรเห็นก็ขู่กันเป็นประจำข้างนอก ก็ลองมาก็แล้วกันไม่ได้ท้าทาย มั่นใจว่าป้องกันตัวเองได้ เมื่อช่วงเช้าฝ่ายค้านก็บอกว่ามีม็อบไปปิดกั้นตรงดินแดงทางจะไปบ้านของตน เข้าใจอะไรผิดหรือชักชวนให้คนไม่เข้าใจหรือเปล่าหรือไม่ ตรงจุดนั้นเป็นเส้นทางคมนาคมการจราจรติดขัด ประชาชนเดือดร้อนจะไปชุมนุมกันตรงนั้นทำไม ทำไปเพื่ออะไร ตนไม่เข้าใจ จะเข้าไปจับตน เข้าไปได้หรือไม่ จะมาบอกว่าเพื่อปกป้องตนคนเดียว ตนไม่อยากพูดให้เสียอารมณ์เพราะการปฏิรูปตำรวจต้องทำอะไรอีกมากมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ฝ่ายค้านอย่ามาพูดในสิ่งที่โครงการ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเรื่องแห่งชาติ ทั้ง 3 โครงการยังไม่เกิดขึ้น แต่ถูกอภิปรายแล้วมองไปว่ามีการทุจริต ถ้าทุจริตก็ตรวจสอบและระงับ หากมีความผิดก็แจ้งความไปสู้คดี ไม่มีการล็อกสเปกไม่มีการทุจริตไม่เช่นนั้น ตนยืนตรงนี้ไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีใครจับตนได้ ตนก็ไม่กล้ายืนต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ที่ตนยืนอยู่ได้เพราะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
จากนั้นนายยุทธพงศ์ ลุกขึ้นประท้วงนายกฯ ที่ใช้วาจาใส่ร้ายเสียดสี เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด และบอกว่ามีกรรมาธิการงบประมาณปี 65 บางคนเรียกหน่วยงานมาพบเพื่อมาเคลียร์ นายกฯ พูดแบบนี้ ตนเสียหาย นายกฯ บอกว่าเป็นลูกผู้ชาย ชายชาติทหาร ถ้ามีหลักฐานว่าตนเรียกหน่วยงานมาพบ ก็ขอให้นายกฯ เอาตำแหน่งมาเดิมพันกับตนที่เป็น ส.ส. ถ้าท่านมีหลักฐาน ตนจะลาออกจากการเป็น ส.ส. แต่ถ้าท่านไม่มีหลักฐานต้องลาออกจากการเป็นนายกฯจึงทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวเตือนว่าข้อประท้วงของนายยุทธพงศ์ฟังไม่ขึ้น นายกฯ ไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและชี้แจงตรงประเด็น จึงขอวินิจฉัยว่านายยุทธพงศ์ผิด เพราะของนายยุทธพงศ์หนักกว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้ความรุนแรงไม่ได้พูดจะให้ใครเสื่อมเสียทั้งสิ้น คราวหลังถ้าตนพูดอะไรอย่ารับ เพราะตนไม่ได้ระบุชื่อใครทั้งสิ้น