เจ้าของร้านขายข้าวสารขอโทษรอง ผกก.เข้าใจผิดปมข่มขู่กรรโชกทรัพย์

2021-08-29 17:46:30

เจ้าของร้านขายข้าวสารขอโทษรอง ผกก.เข้าใจผิดปมข่มขู่กรรโชกทรัพย์

Advertisement

สาวเจ้าของร้านขายข้าวสารพร้อมครอบครัวขอโทษรอง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ กรณีเข้าใจผิดเรื่องข่มขู่ กรรโชกทรัพย์

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ส.ค. น.ส.ภัคนิจ โพธิวิไล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/9 ม.2 ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าของร้านค้าขายข้าวสาร จีรวรรณค้าข้าว ตั้งอยู่ที่ ม.8 ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ ว่ามีนายตำรวจยศ พ.ต.ท. และ ด.ต. ได้ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ และปรากฏตามภาพข่าวในลักษณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสร้างความ เดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนนั้น


ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.ภัคนิจ โพธิวิไล ได้เดินทางมาพบพร้อมครอบครัวได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิด ซึ่งส่งผลทำให้บุคคลทั่วไปมองภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านสื่อสังคม ไปในทางไม่ดี

น.ส.ภัคนิจ และครอบครัว กล่าวว่า เมื่อได้ทราบว่าข่าวที่มีการเสนอออกไปนั้น ไม่เป็นไปตามที่ผู้แจ้งและครอบครัวประสงค์ รวมถึงสร้างความไม่สบายใจให้กับตนเองและครอบครัว จึงได้ติดต่อและเดินทางมาพบในวันนี้ ซึ่งที่จริงแล้วจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง ในวันดังกล่าวที่ได้ ตนเองและครอบครัว ได้เดินทางไปที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ โดยมีความประสงค์แค่จะมาพบ พ.ต.ท.กรกต พุฒนวล รอง ผกก.ป.สภ.กาญจนดิษฐ์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่ตนเองเข้าใจผิดในเรื่องที่คิดไปเองว่ามีการขู่กรรโชกทรัพย์ ที่พูดคุยทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ หรือหากทาง พ.ต.ท.กรกต ไม่ประสงค์จะพูดคุย ก็จะขอให้ทางผู้บังคับบัญชาประสานติดต่อให้ทางพ.ต.ท.กรกต มาพบเพื่อพูดคุย ให้เกิดความเข้าใจกัน เนื่องจากที่ผ่านมาตนเอง และ พ.ต.ท.กรกต ก็รู้จักกันดีเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้เข้าใจผิดกัน แต่เหตุการณ์ในวันดังกล่าวเมื่อตนเองและครอบครัวมาถึงสภ.กาญจนดิษฐ์ ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวมารอทำข่าว และมีผู้นำท้องถิ่นอีกหลายท่านมารออยู่ก่อนแล้ว  ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประสานให้ทางตนไปแจ้งความร้องทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้นตามที่มีผู้ประสานงานไว้แล้ว ตนเองและครอบครัวก็ยิ่งสับสนเพราะมิได้มีความประสงค์เช่นนั้น หากแต่จำเป็นต้องทำไปตามที่ฝ่ายต่างๆ ได้ประสานไว้ให้


"ภายหลังจากเหตุการณ์นั้นเมื่อได้ทราบว่า พ.ต.ท.กรกต พยายามติดต่อตนเองก่อนหน้านี้ แต่ติดต่อไม่ได้เนื่องจากได้เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ จึงได้ให้ ด.ต.นายหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติกับตนเองมาบอกให้โทรศัพท์หาเพื่อสอบถามในเรื่องสถานการณ์โควิด ซึ่งที่ร้านของตนมีพนักงานที่ต้องเข้ารับการกักตัว เมื่อได้ทราบความจริงก็ไม่กล้าที่จะติดต่อไปพูดคุยกับทาง พ.ต.ท.กรกต ด้วยตัวเอง จึงได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่ออธิบายความจริงที่เกิดขึ้น และอยากขอโทษต่อทาง พ.ต.ท.กรกต และ นายดาบตำรวจ รวมถึงขอโทษต่อผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และข้าราชการตารวจสถานีตารวจภูธรกาญจนดิษฐ์ รวมถึงองค์กรตำรวจสำหรับเหตุการณ์ที่สร้างความเข้าใจ คลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น โดยส่วนตัวไม่คิดที่จะทำลายภาพลักษณ์ หรือองค์กรตำรวจ แม้แต่นิดเดียวและรู้สึกไม่ดีกับข่าวที่ออกไปอย่างจริงใจ ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยถูกขู่กรรโชกทรัพย์จากคู่กรณีแต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ”น.ส.ภัคนิจ กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชา หลังได้รับเรื่อง ก็ได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยได้ให้ พ.ต.ท.กรกต เขียนรายงานข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งทางเจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้กระทำการขู่กรรโชกทรัพย์กับทางคู่กรณีแต่อย่างใด แต่รู้สึกเสียใจมากกว่าที่ตนเองต้องตกเป็นจำเลยสังคมทั้งที่รู้จักกันดีกับทางคู่กรณี เป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้เองทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าทำงานใกล้ชิดกับประชาชนอาจจะมีบ้างครั้งที่อาจจะมีการสือสารผิดพลาดกัน และฝากถึงประชาชนทั่วไปหากพบว่ามีนายตำรวจที่ทำตัวเกเรหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งในทุกช่องทาง หรือที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องโดยตรง และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป