พ่อทาสยาบ้ารับสารภาพเป็นคนลงมือทำร้ายลูก 4 เดือนจับกดน้ำจนตาย
จากกรณี น.ส.พรนภา หรือ บิว บุตรแก้ว เข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตํารวจกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ขอความช่วยเหลือ หลังนายศุภวัฒน์ กลับ สามีทำร้ายด.ญ.บุญญาพร กลับ อายุ 4 เดือน ลูกสาวคนเล็ก จนเสียชีวิตและขู่บังคับไม่ให้นำเรื่องไปบอกใครไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตายทุกคน ก่อนที่นำร่างลูก4เดือนไปฝังอำพรางคดีโดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. สุดท้ายผู้เป็นเมียหนีออกจากบ้านมาแจ้งความเมื่อวันที่ 27 ส.ค.64ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค. ที่สภ.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 72/1 ม.3 ต. เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ติดตามตัวนายศุภวัฒน์ มาที่ สภ.เวียงสระ เพื่อให้ปากคํา โดยนายศุภวัฒน์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ได้ลงมือทําร้าย ด.ญ.บุญญาพร บุตรคน เล็ก มาโดยตลอด โดยตนเองเสพยาบ้า เกือบทุกวันๆละ 2-3 เม็ด และหากทะเลาะกับ น.ส.พรนภา ภรรยา ก็จะทําร้าย ด.ญ.บุญญาพร บุตรคนเล็กมาโดยตลอด เฉลี่ยประมาณ 5 วันต่อสัปดาห์ หนักบ้าง เบาบ้าง โดยจะใช้ วิธีการทุบตี จับกดน้ํา หรือเอาน้ําฉีด โดยทุกครั้งลูกจะร้องทุกครั้งและก่อนหน้านี้ยังเคยทําร้าย น.ส.พรนภา อีกด้วย
วนายศุภวัฒน์ กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ช่วงเช้าทะเลาะกับ น.ส.พรนภา จึงได้ทําร้าย ด.ญ.บุญญาพร โดยการทุบตี ที่บริเวณร่างกาย ส่วนใหญ่จะเป็นที่เอวข้างซ้ายและต้นขาข้างซ้าย จํานวนหลายครั้ง นานประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงนําไปกดน้ําจนมิดหัว ประมาณ 2-3 วินาที ในถังน้ําภายในห้องน้ํา จนลูกแน่นิ่งไป จึงนําไปให้ น.ส.พรนภา ซึ่งอยู่ในห้องนอน ต่อมาในตอนเย็นตนได้ออกไปจากบ้าน และในตอนค่ำ น.ส.พรนภา ได้โทรบอกว่า ลูกคนเล็กหายใจไม่ออก ตนเองจึงกลับมาที่บ้านและเวลาประมาณ22.00 น.เศษน.ส.พรนภาบอกว่าลูกเสียชีวติแล้ว แต่ยังไม่แน่ว่าจะเสียชีวิตจริงหรือไม่จึงไม่ได้พาไปหาหมอ
จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 12 ส.ค.ตนกับน.ส.พรนภา จึงได้หาที่นําศพลูกไปฝังหรือเผา และได้นําศพลูกใส่ลังกระดาษ แล้วปิดเทปกาว และในเวลาประมาณ 15.00 จึงขี่รถจักรยานยนต์ พาน.ส.พรนภา โดยเอาศพลูกที่ใส่ลังกระดาษไปด้วย ไปที่สํานักสงฆ์ทุ่งโศก ม.9 ต.บ้าน ส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี และพระได้ทําพิธีและฝังศพให้ โดยโกหกกับพระว่า ลูกตายเพราะรถล้ม นายศุภวัฒน์ ยังรับสารภาพอีกว่า สาเหตุที่ลูกเสียชีวิตนั้น เกิดจากการที่ตนเองทําร้ายร่างกายลูกสะสม มาหลายครั้งและในวันที่ทําร้ายครั้งสุดท้ายดังกล่าวพลั้งมือไปและทําร้ายอย่างหนักมากเกินไปจนเป็นเหตุให้ลูกตาย และสํานึกผิดในการกระทําของตนเอง
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา"ทำร้ายผู้อื่น โดยกระทำทารุณโหดร้าย จนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายหรือไม่มีเหตุอันควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ" ต่อไป