สอบเข้ม แม่-พ่อเลี้ยง ด.ญ.วัย 1 ขวบเศษเสียชีวิตปริศนาตรวจฉี่สีม่วง ยอมรับเคยทำร้ายร่างกายเหตุรำคาญเด็กอาเจียน ร้องไห้ส่งเสียงดัง
จากกรณี ด.ญ.วัย 1 ขวบเศษ อยู่ในพื้นที่ ต.โนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตอย่างปริศนาโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาลสมเด็จ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา ก่อนที่พนักงานสอบสวนสภ.สมเด็จ ร่วมกับทีมแพทย์ทำการชันสูตร แต่กลับพบความสงสัยในการเสียชีวิต และตรวจตามร่างกายพบวัตถุสงสัย ซึ่งเป็นขนเพชรอยู่ในช่องคลอด และอวัยวะเพศมีร่องรอยคล้ายถูกกระทำชำเราก่อนเสียชีวิต แต่ทางญาติกลับไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงอายัดศพเด็กไว้พร้อมกับส่งไปชันสูตรศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 7 ขอนแก่น เพื่อหาร่องรอยต่างๆ และสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สภ.สมเด็จ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.สมเด็จ และ พ.ต.ท.บุญจันทร์ สังข์ทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สมเด็จ รายงานความคืบหน้าโดยล่าสุดพนักงานสอบสวนสภ.สมเด็จได้เรียกตัว น.ส.ปรางแก้ว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว ต.โนนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของเด็ก และนายจีรพันธุ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ชาว ต.หมูม่น อ.สมเด็จ ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเด็ก รวมทั้งยายและเพื่อนบ้านรวม 4 คน มาสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแม่ และพ่อเลี้ยงของเด็กไปเบื้องต้นแล้ว ซึ่งในการสอบปากคำวันนี้มี พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.สมเด็จ และ พ.ต.ท.บุญจันทร์ สังข์ทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สมเด็จ ร่วมสอบปากคำด้วย
พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เรียกตัวพ่อเลี้ยง แม่เด็ก ยาย และลุงข้างบ้านมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาข้อมูล โดยได้แยกกันสอบ เบื้องต้นพบว่า พ่อเลี้ยงและแม่ของเด็ก มีประวัติเสพยาเสพติด และจากการตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด ซึ่งพ่อเลี้ยงยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยทำร้ายลูกเลี้ยงบ่อยครั้ง เพราะรำคาญที่เด็กมักอาเจียนและร้องไห้ส่งเสียงดัง
พล.ต.ต.สมนึก กล่าวต่อว่า ในส่วนแม่เด็กนั้นยังให้การค่อนข้างวกวน เนื่องจากคาดว่ายังเมายาเสพติด พร้อมอ้างว่าก่อนเกิดเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นเอง และมีอาการอาเจียน ยืนยันไม่มีใครกระทำชำเราลูก ส่วนขนเพชรที่พบในอวัยวะเพศเด็กนั้นน่าจะเป็นของตัวเอง เพราะได้โกนออกขณะอยู่กับลูก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีพ่อเลี้ยงและแม่เด็กในข้อหาเสพยาเสพติด และได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นกับพ่อเลี้ยงไว้ก่อน ส่วนจะเป็นการเข้าข่ายข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น จะต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์อย่างเป็นทางการว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการทำร้ายร่างกายหรือไม่ รวมทั้งผลการตรวจสอบร่องรอยว่ามีการล่วงละเมิดหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอผลจากแพทย์ ซึ่งผลจะออกภายใน 45 วัน
ขณะที่ศพของ ด.ญวัยขวบเศษญาติ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปชันสูตร และญาติได้นำกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิดใน ต.หมูม่น อ.สมเด็จ เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. โดยการเผาที่เมรุสถานในวัดประจำหมู่บ้าน มีเพื่อนบ้านมาร่วมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งทางญาติไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ โดยระบุว่าทุกอย่างอยู่ที่ผลการชันสูตรของแพทย์ และในส่วนของคดี ว่าจะเป็นอย่างไรขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม