"เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช. สอบด่วนปมซื้อชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชุด
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตนเห็นข่าวการจัดซื้อชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด เพื่อใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้จัดหาตาม TOR ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอลงนามในสัญญาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ อาจมีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างหากได้ชุดตรวจ ATK ช้าเกินไป ทั้งนี้ตนก็เคยตรวจด้วยอุปกรณ์ ATK ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในขณะทำหน้าที่ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทราบผลภายใน 30 นาที ซึ่งทำให้ กมธ.งบประมาณปี65 สามารถทำงานต่อไปได้ด้วยดี
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อตนเห็นข่าวการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ของ อภ. จำนวน 8.5 ล้านชุด ซึ่งดำเนินการแล้ว แต่ต้องรอลงนามในสัญญา เพราะมีการกล่าวอ้าง จากบางฝ่าย ทั้งในเรื่องลดสเปก หรือ ล็อกสเปก ซึ่งเรื่องนี้ถกเถียงกันบนความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งที่ควรรีบจัดซื้อจัดหาให้เร็วที่สุด แต่ที่ตรวจสอบข้อมูลของราชการและสื่อมวลชน ตนเห็นว่า เรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล อาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 120 ตามมาได้ หากมีเจ้าหน้าที่ผู้ใด ลดสเปก ก็ย่อมมีความผิด แต่หากมีเจ้าหน้าที่ผู้ใด ล็อกสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย ก็ย่อมมีความผิดเช่นกัน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ดังนั้น เรื่องลดสเปกหรือไม่ ล็อกสเปกหรือไม่ ก็ต้องรีบตรวจสอบโดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ มีหลักฐานทางราชการ และคลิปเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยต้องตรวจสอบต้นเรื่อง คือ ข้อมูลจากนายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้กำหนด TOR และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากเจ้าหน้าที่ อภ. ต่อไป ซึ่งความผิดตาม มาตรา 120 ควรให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ตรวจสอบโดยเร็ว เพราะมีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปี ซึ่งโทษนี้รวมถึงผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนด้วย ดังนั้น ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ช่วงเช้า ตนจะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ บุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายเกรียงศักดิ์ และเจ้าของคลิปเสียง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ อภ.เพื่อหาว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดลดสเปกหรือไม่ และ มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดล็อกสเปก หรือไม่ มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดทุจริตประพฤติมิชอบแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ หรือไม่