"สัณหพจน์" ชู พ.ร.บ.พืชกระท่อม ก.ม.เพื่อประชาชน

2021-08-14 20:35:49

"สัณหพจน์" ชู พ.ร.บ.พืชกระท่อม ก.ม.เพื่อประชาชน

Advertisement

"สัณหพจน์" ชู พ.ร.บ.พืชกระท่อม ก.ม.เพื่อประชาชนยกวิถีชาวบ้าน สร้างเศรษฐกิจตัดระบบนายทุน

เมื่อวันที่ 14 สค. นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. .... เปิดเผยว่า กมธ.พืชกระท่อม ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ได้พิจารณา ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมยื่นบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยตามขั้นตอนคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 24 ส.ค.64 ที่มีการประกาศปลดล็อกพืชกระท่อม สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว นายสมศักดิ์ ต้องการที่จะยกระดับกฎหมายให้กฎหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดตามความต้องการของประชาชน โดยอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้พืชกระท่อมเพื่อการบริโภค ตามวิถีชาวบ้าน สามารถปลูก ผลิตเองได้ และครอบครองพกพาได้เท่าที่จำเป็นเพื่อการบริโภค สามารถซื้อขาย แปรรูปได้ทั้งใบสด และน้ำต้มใบกระท่อม โดยต้องไม่มีส่วนผสมของสารเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด

นายสัณหพจน์  กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการนำเข้า และสามารถส่งออกเองได้ โดยการขอใบอนุญาต ซึ่งมีหลักเกณฑ์ข้อกำหนดที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และมีราคาค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตที่ประชนทั่วไปสามารถจับต้องได้ โดยมีข้อห้ามและโทษที่ชัดเจนคือ 1.ห้ามจำหน่ายใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อมให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และห้ามจูงใจ ยุยง ส่งเสริม หรือข่มขู่บุคคลเหล่านี้ เพื่อให้บริโภค ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ห้ามจำหน่ายใบกระท่อม น้ำต้มกระท่อมในสถานที่ศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ ฯลฯ มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท 3.ห้ามจำหน่ายหรือโฆษณาใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อม ที่มีส่วนผสมของสารเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด โดยมีโทษจำคุก 2ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4.ห้ามบริโภคใบกระท่อม หรือน้ำต้มใบกระท่อมที่มีส่วนผสมของสารเสพติดตามที่กฎหมายกำหนด ยกเว้นเพื่อรักษาโรคตามที่แพทย์กำหนด หรือเพื่อการศึกษาของหน่วยงานต่างๆตามที่ได้รับอนุญาต โดยมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมทั้งกำหนดข้อระเบียบอำนาจของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีการกลั่นแกล้ง หรือใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยกำหนดให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเฉพาะเจาะจง

นายสัณหพจน์  กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อกระท่อม ไม่ผิดกฎหมายแล้ว จะมีฐานะเหมือนกับพืชเกษตรหลัก 5 ชนิด ทั้งปาล์มน้ำมัน ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ที่สามารถส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้ ซึ่งต่อจากนี้จะต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการปลูก การผลิตและแปรรูป การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาสายพันธุ์ รวมทั้งการส่งออกไปยังตลาดโลก ขณะนี้ข้อมูลพบว่ามีตลาดหลักในสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งมีการประเมินมูลค่าของตลาดมากกว่า 37,044 ล้านบาท และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระหว่างปี 2564-2571 โดยการบริโภคส่วนใหญ่เป็นรูแบบผลิตภัณฑ์ชงชา และแคปซูล ใช้ในทางการแพทย์ ยาสมุนไพร และอาหารเสริม ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง คลายอาการวิตกกังวล ในขั้นสูงขึ้นคือการใช้เป็นยาถอนฝิ่นและพบว่ามีคู่แข่งในตลาดหลักเพียงแค่ อินโดนีเซียและมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่า กระท่อมของไทยนั้นมีคุณภาพและประสิทธิภาพทางการแพทย์ที่ดีกว่าของทั้ง 2 ประเทศ

“ข้อได้เปรียบของกระท่อมไทย เมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้ว คือการตัดระบบนายทุนออกไป คนทั่วไปที่มีใบอนุญาต สามารถรวมกลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือเป็นรายบุคคลเพื่อจำหน่าย และส่งออกเองได้ มีตลาดรองรับที่ชัดเจนแน่นอน ไม่เหมือนกับการปลดล็อกกัญชา ที่กฎหมายยังคงมีข้อห้ามมากมาย ซึ่งทำให้เกษตรกร ชาวบ้านทั่วไปเข้าไม่ถึง หรือเข้าถึงแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะใช้ผลผลิตได้เต็มศักยภาพ เพื่อการสร้างรายได้ ดังนั้น ร่างพ.ร.บ.กระท่อมฉบับนี้ จึงถือเป็นกฎหมายที่มาจาก วิถีชาวบ้าน ความต้องการของประชาชน โดยมีประชาชนเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง” นายสัณหพจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ซึ่งจะมีการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ไม่ทันในวันดังกล่าว แต่ประชาชนก็สามารถนำมาปลูก เคี้ยว ต้มน้ำดื่ม หรือใช้เป็นยารักษาโรคตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งซื้อขายภายในท้องถิ่นและภายในประเทศได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เว้นแต่นำไปใช้ร่วมกับสารเสพติดอื่นๆ