ศบค.เผยไม่ล็อกดาวน์ ส.ค.-ก.ย.ผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 6-7 หมื่นรายต่อวัน ชี้ล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 20% ลดผู้ติดเชื้อเหลือ 45,000 รายต่อวัน ล็อกดาวน์ 25 % นาน 2 เดือน ฉีดวัคซีนลดผู้ติดเชื้อเหลือ 2 หมื่นราย
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงว่า กระทรวงสาธารณสุขได้วิเคราะห์อัตราการเสียชีวิตโควิด-19ระลอกเดือน เม.ย.2564 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 13 ส.ค.2564 ระบุว่า ยอดสะสมผู้ติดเชื้อในระลอกนี้มีทั้งหมด 834,326 ราย มีผู้เสียชีวิต จำนวน 7,032 ราย คิดเป็น 0.84 เปอร์เซ็นต์ โดยจำนวนของผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีมากที่สุด คือ 12.48 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยผู้ที่มีอายุ 60-69 ปี 4.19 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องเน้นย้ำการเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มนี้ อีกทั้งมีการรายงานสถานการณ์การติดเชื้อของหญิงตั้งครรภ์ ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-11 ส.ค. 2564 พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ 185 ราย เสียชีวิต 29 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ขณะที่ข้อมูลการติดเชื้อผู้ประกอบอาชีพขนส่งสาธารณะ ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-12 ส.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 353 ราย เสียชีวิต 104 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีนเช่นเดียวกัน
โฆษก ศบค. กล่าวต่อว่า มีการนำเสนอข้อมูลการเปรียบเทียบตัวเลขคาดการณ์ กับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ได้รับรายงานในสถานการณ์จริง ว่า ถ้าไม่มีการล็อกดาวน์ คาดว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2564 ประมาณ 60,000-70,000 รายต่อวัน แต่หลังจากที่เรามีการล็อกดาวน์ ซึ่งเริ่มทำได้อย่างมีประสิทธิภาพประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทำให้คาดการณ์ว่าในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงอยู่ คือประมาณ 45,000 รายต่อวัน จึงจำเป็นที่ทุกคนทั้งประเทศต้องร่วมกันให้มากขึ้นเพื่อกดกราฟนี้ โดยต้องอาศัยการล็อกดาวน์อย่างมีประสิทธิภาพ 25 เปอร์เซ็นต์ นาน 2 เดือน และต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเป้าหมาย ภายใน 1-2 เดือน จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงมาอยู่ที่ประมาณวันละ 20,000 ราย รวมถึงทำให้การอัตราการครองเตียงลดลง และลดการเสียชีวิตด้วย