"จุรินทร์" จับแหลกค้ากำไรฟ้าทะลายโจรเกินควร 10 ราย ATK 1 ราย พร้อมแจ้งจับ Shopee Lazada ฐานปล่อยขายออนไลน์ผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า มี 2 เรื่องที่สำคัญ คือ เรื่องที่ 1 การดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร ผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร โดยกรมการค้าภายในได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ขายฟ้าทะลายโจรผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ Lazada และ Shopee จำนวน 10 ราย 3 ยี่ห้อ คือ
1.ยี่ห้อ อภัยภูเบศร โดยพฤติการณ์เป็นนำฟ้าทะลายโจรยี่ห้ออภัยภูเบศรไปค้ากำไรเกินควร 8 ราย เป็นฟ้าทะลายโจรขนาดบรรจุ 60 แคปซูล ซึ่งราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งกับกรมการค้าภายในจำหน่ายในราคา 80 บาท มีผู้นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มในราคาขวดละ 349-450 บาท แพงกว่าราคาที่แจ้งไว้ถึง 336-463%
2.ยี่ห้อใบห่อ ขนาดบรรจุ 70 แคปซูล ราคาแนะนำ 25 บาท ขายบนแพลตฟอร์ม Lazada 119 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 376% จำนวน 1 ราย
3.ยี่ห้อไฟโตแคร์ขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ขนาดบรรจุ 100 เม็ด ราคาที่กำหนดไว้ 180 บาท ขายผ่าน Shopee 490 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 172%
"เข้าข่ายค้ากำไรเกินควรผิดมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในกับกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)จะร่วมกันไปความดำเนินคดีต่อไปทั้งดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย และดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฎหมายของแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ด้วย"นายจุรินทร์ กล่าว
เรื่องที่ 2 การดำเนินคดีกรณีนำชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเองหรือ ATK ที่กระทรวงสาธารณสุขให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชชกรควบคุมนั้น มีการนำไปจำหน่ายในร้านขายยาแห่งหนึ่งที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรที่ราคาแนะนำ 350 บาท ที่เป็นราคาที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมการค้าภายในไว้ ปรากฏว่าไปขายในร้านขายยา 450 บาทสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 29% ถือว่าผิดตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นการขายในร้านขายยาแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา และวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ กกร.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการชุดหนึ่งประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นรองประธาน เลขาธิการ อย. เลขาธิการ สคบ. อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ. เป็นกรรมการ 11 ท่าน จาก5 หน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวทางและมาตรการในการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ที่ใช้กับตนเองหรือแบบ Home useให้เป็นทำตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการต่อไป อีกชั้นหนึ่งซึ่งหากประชาชนพบเห็นการค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่าจากกรณีที่มีการจับกุมผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจรและถ้าประชาชนต้องการรายละเอียดว่าราคาแนะนำหรืออ้างอิงการจำหน่ายปลีกแต่ละชนิดเป็นเท่าใดให้ตรวจสอบได้จากการประกาศไว้และประชาชนสามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน ตามลิ้งค์นี้ https://www.dit.go.th/ โดยกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายในประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 2564
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายในระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องโดยใช้กฎหมาย หรือ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่มีอยู่นั่นคือมาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคา ซึ่งการดูแลความเป็นธรรมการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ Covid-19 นั้นก่อนหน้านี้กรมการค้าภายในได้ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ให้มีการจำหน่ายที่ผิดกฎหมายเนื่องจากชุดตรวจที่ใช้กับตนเองหรือ Home use นั้นจะต้องได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรเท่านั้นซึ่งจะมีการจำหน่ายได้ 3 ช่องทางคือสถานพยาบาลหน่วยงานของรัฐและร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ดังนั้นการจำหน่ายออนไลน์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. และเป็นชนิดที่แตกต่างจากแบบ Professional use และกระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นว่า ATK เป็นเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคตามประกาศ กกร.ฉบับที่8 พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 28 มิ.ย. 2564
รายงานระบุว่า ด้านคุณสมบัติและเทคนิค ATK ชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนั้นแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันทั้งเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยารวมถึงระยะเวลาการแสดงผลการตรวจ ส่วนการขึ้นทะเบียนชุดตรวจกับนั้นขึ้นกับ อย.กระทรวงสาธารณสุขโดยพิจารณาจากการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความแม่นยำเท่านั้น สำหรับด้านปริมาณชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนี้เป็นสินค้าต้องนำเข้าเกือบ 100% สำหรับการคิดต้นทุนและราคาจะพิจารณาจากปริมาณการสั่งซื้อ แหล่งที่มา ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเป็นต้น อย่างไรก็ตามกรมการค้าภายในได้ให้ทางผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน รายละเอียดตามกฎหมายทั้งนี้เมื่อมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนมาก็จะได้มีการสืบสวนสอบสวนราคาเพื่อปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 28 และ 29 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป