"แยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย" หากพูดถึงชื่อนี้หลายคนคงนึกถึงภาพนักข่าวสาวแกร่งแห่ง “ข่าวสามมิติ” ที่มาพร้อมกับคำคุ้นหู “คุณกิตติคะ” และประเด็นต่างๆที่เธอตกเป็นข่าวเองอยู่บ่อยครั้ง ในวันนี้ “ฐปณีย์” ถึงแม้เธอจะได้ลาออกจากการเป็นนักข่าวประจำแล้ว และมารับงานเป็น “ฟรีแลนซ์” แทน พร้อมกับเปลี่ยนบทบาทเป็นบอสหญิงแห่งเพจ “The Reporters” ที่เชื่อมั่นในการรายงานข่าวเพื่อสันติภาพที่มีผู้ติดตามนับล้าน ภายใต้โมเดล ฐปนีย์ ต้องอยู่รายงานในทุกเหตุการณ์สำคัญ ทุกการเคลื่อนไหวของทุกสถานการณ์แล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งอาชีพนั่นก็คือ รับบทบาทเป็นแม่ค้าขายขนมจีนและข้าวราดแกงประจำร้านอาหาร “บ้านพี่แยม” และหัวหน้าครอบครัวของหลานๆ ตารางชีวิตของเธอในแต่ละวันถูกกำหนดเดดไลน์เป๊ะๆ ไม่ต่างจากเดดไลน์ของข่าว ธรรมชาติของการเป็นนักข่าวที่ต้องเร็ว ทันเวลา ถูกนำมาใช้กับชีวิตส่วนตัวที่มีภาระและความรับผิดชอบมากมาย
เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show "แยม ฐปณีย์" ก็ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจเพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรกแบบหมดเปลือก ที่พูดได้เลยว่าชีวิตนี้ทุกวินาทีของ "แยม ฐปณีย์" คือ ทุกวินาทีในชีวิตเรามันกลายเป็นข่าวไปหมด ต่อให้ตัวตายแต่ข่าวต้องออก ชีวิตนักข่าวทำงานตลอดเวลา นอนแค่ 2 ชั่วโมง ขนาดนอนก็ทำงานได้แถมทำงานตอนละเมออีกด้วย แถมงานนี้ "แยม ฐปณีย์" ยังได้เปิดหัวใจในเรื่องของความรักว่าเคยอกหักเสียใจร้องไห้ตลอดเวลา แถมไปดื่มให้ลืมเธอจนกระเพาะทะลุ พร้อมยังเปิดใจเคลียร์ข่าว “ฐปณีย์ ซุกลูก!” พยายามทำทุกอย่างที่แม่คนหนึ่งจะทำให้ลูกได้... และ ผู้หญิงแบบ ฐปณีย์ เวลามีแฟนเป็นอย่างไร? เสียงสองเสียงสามก็มีนะตัวเอง มุ้งมิ้งง๊องแง๊ง แถมเคยมีหมอดูทำนายไว้ว่าจะได้แต่งงานตอนอายุ 60 อีกด้วย
เห็นบอกว่าเป็นคนที่คิดเสมอว่าต่อให้ตัวตายข่าวต้องออก?
แยม ฐปณีย์ : อย่างเวลาที่เราไปทำข่าวเราขึ้นเครื่องบินแล้วถ้าเกิดเครื่องบินตกเราก็คิดว่ากล้องอยู่กับเราหรือเปล่าแล้วเราต้องทำยังไงให้คนรู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทุกคนกำลังอยู่ในภาวะอันตรายเราก็อัดเสียงไว้เพื่อที่จะให้รู้สึกว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้เราเสียชีวิตไปก็มีภาพในมือถือเราก็ได้รายงานข่าวไว้ทุกวินาทีในชีวิตของเรามันกลายเป็นข่าวไปหมด ส่วนในชีวิตประจำวันตอนนี้ ถ้าตื่นเช้าเราก็จะมาช่วยน้องขับรถไปส่งข้าวกล่องแล้วพอเสร็จจากนั้นเราก็มานั่งข่าวเคลียร์ข่าว บางทีก็ต้องลงพื้นที่ไลฟ์สดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น แล้วก็ต้องสามมิติด้วย บางทีกว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่ง ตีสอง แล้วบางทีตีสี่ก็ตื่นมาช่วยน้องทอดไข่ดาวอะไรอย่างนี้ค่ะ (ขนาดเวลาที่เรานอนเราก็ทำงานได้) แบบนอนๆไปแล้วหลับไปไม่รู้ตัวโทรศัพท์ตกใส่หน้าก็มี อันนี้ยอมรับเลยว่าอาจจะมีทำงานตอนละเมอด้วย (หัวเราะ)
แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันรายงานข่าวแล้วมันมีเรื่องของดราม่าเข้ามาทำให้มีผลกระทบต่อจิตใจ?
แยม ฐปณีย์ : อย่างกรณีของการช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญาข่าวมันถูกบิดเบือนไปว่าเราต้องการช่วยเอาเขาเข้ามาในประเทศกล่าวหาว่าไม่รักชาติบ้านเมืองถ้าเราอยากช่วยพวกนี้ก็เอาเขาไปเลี้ยงสิอะไรอย่างนี้ค่ะ ตอนนั้นเราก็ร้องไห้หนักมากเริ่มรู้สึกว่า เอ๊ะ !! การเป็นนักข่าวของเรามันแย่มากเหรอที่เราจะทำข่าวเพื่อช่วยคน
มาถามเรื่องที่ทุกคนอยากรู้บ้างสำหรับเรื่องหัวใจของแยม ความรักเคยเกิดขึ้นตอนไหนบ้างเอ่ย?
แยม ฐปณีย์ : ก็มีตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีแฟนแล้วก็เรามาทำงานที่กรุงเทพฯแล้วเรามาทำงานข่าวมันไม่มีเวลาเพราะว่าเราทำงานไม่เป็นเวลา (ถามว่าอกหักแล้วเสียใจร้องไห้ไหม) เราก็เสียใจนะคะ เขาเป็นคนบอกเลิกเราค่ะ แล้วเราก็ไปเจอเขาหลังจากเลิกกันแล้วนะคะ เหมือนในละครเลยค่ะ เขาเดินจับมือกับคนอื่นเราก็ร้องไห้ตลอดเวลาเหมือนเราเป็นนางเอก Mv เลยคะ นั่งรถเมล์ไปร้องไห้ไปแล้วนั่งเลยป้ายอีกเราก็พยายามทำงานเยอะๆเพื่อให้ลืมเขาไปทำงานอย่างหนักดื่มหนักจนกระเพาะเราทะลุต้องเข้าโรงพยาบาลเลยตอนนั้น
มีคนบอกว่า ฐปณีย์ มีลูกแล้ว?
แยม ฐปณีย์ : ใช่ค่ะ มีลูกที่รักมากด้วย เหมือนกับเป็นลูกของเรา คือ ต้องมานอนกับเราอยู่กับเราเขาก็เรียกเราว่า แม่แยม เพราะเขาเรียก แม่แยม มาตั้งแต่เกิดเลยแล้ว แยมก็ทำทุกอย่างในแบบที่แม่คนหนึ่งทำให้เขาเลยอย่างตื่นเช้ามาต้องไปส่งที่โรงเรียน แยมก็ไปส่งเขาเรียนตั้งแต่อนุบาลจนตอนนี้เขาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ
แล้วผู้หญิงแบบ แยม ฐปณีย์ เวลามีแฟนเป็นยังไงเอ่ย?
แยม ฐปณีย์ : ก็เป็นคนที่มุ้งมิ้งนะคะ ก็มีเสียงสองนะคะ (หัวเราะ) จริงๆสเปกเราคือ ชอบคนหล่ออย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ เพราะเรามองตัวเองเป็น เบลล่า อะไรอย่างนี้ (ยิ้ม) แต่จริงๆมีหมอดูทำนายไว้ว่าเราจะได้แต่งงานตอนอายุ 60 ปี