“ปิยบุตร”กังขาใช้อำนาจอะไรกฎหมายข้อไหนจับตา ปชช.หยุดทำให้การละเมิดสิทธิเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการเผยแพร่เอกสารลับ ซึ่งปรากฏรายชื่อ 183 บุคคลที่ถูกจับตาโดยฝ่ายความมั่นคง หรือ watchlist ซึ่งกำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้นั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีนี้ โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่โดนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับตา ติดตาม ตั้งแต่ครั้งเมื่อเริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ การเดินทางไปหาเสียงยังพื้นที่ต่างๆ และล่าสุด เหตุติดขัดก่อนที่จะออกเดินทางไปเยี่ยมภรรยาที่ต่างประเทศ
นายปิยบุตร ระบุตอนหนึ่งว่า เวลาเราพูดถึงเรื่องโดนเฝ้า โดนติดตาม หลายครั้งเราอาจทำให้มันเป็นเรื่องตลก เรื่องขำ เรื่องแอบเสริ์ด เรื่องความบ้าบอของเจ้าหน้าที่ หลายครั้ง เราอาจบอกกันว่า เฮ้ย ธรรมดา ถ้าไม่โดนตามสิ แปลก แต่โดยปริยาย เรากำลังทำให้เรื่องการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานเป็นเรื่องปกติไป เรากำลังทำให้สิทธิในความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการเดินทาง ถูกละเมิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ตามวิถีปกติ เราต้องถามตอบโต้พวกเขากลับไปว่า เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการทำรายชื่อ Watchlist เจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามกฎหมายใดในการเฝ้า ติดตาม ขับรถตาม สอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของเรา ข้อมูลการเดินทางของเราใครเป็นคนสั่งให้ทำ มีวัตถุประสงค์ใด ทั้งหมดที่ทำกัน ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงของรัฐ แต่เป็นเรื่องการจับตาฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลต่างหาก หากทำกันแบบนี้ ต่อไปประชาชน ขอจัดคน จัดรถ เฝ้าติดตาม เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับไปจนถึงรัฐบาล ได้หรือไม่
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุอีกว่า ครั้งหนึ่งผมเคยถามตำรวจระดับสูงคนหนึ่งว่าทำไมตำรวจต้องมาทำแบบนี้ เขาบอกผมว่าทุกรัฐบาลใช้งานตำรวจในการหาข่าวจากฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น วันหนึ่ง ฝ่ายอาจารย์ได้เป็นรัฐบาลบ้าง ก็ใช้ตำรวจหาข่าวเหมือนกัน ผมบอกไปว่า ไม่มีทาง ถ้าผมมีอำนาจบริหารจริง ผมไม่ทำแน่นอน ทำไมเราไม่ทำให้ตำรวจเป็นกลางทางการเมือง ไม่ต้องถูกพรรคใดพรรคหนึ่งไปใช้ แต่ละพรรคก็แข่งขันกันไป ส่วนตำรวจก็ปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลเฉพาะเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลประชาชน ตำรวจไม่ใช่กลไกปกป้องรัฐบาล ไม่ใช่กลไกปราบปรามฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ตำรวจระดับสูงนายนั้นตอบผมว่า ถ้าได้แบบนี้ จะดีมาก ตำรวจจะได้เป็นตำรวจอาชีพ แต่วันหนึ่ง พวกอาจารย์แพ้ไป รัฐบาลอื่น เขาก็กลับมาใช้กลไกตำรวจอีกนั่นแหละ นั่นแหละครับลักษณะขององค์กรตำรวจ องค์กรทหาร ไม่ว่าในประเทศไหน ก็จะเป็นแบบนี้ มันคือกลไกร้ฐ ที่พร้อมบดขยี้ปราบปราบประชาชน และที่เลวร้าย ทั้งหมด มันมาในนามของกฎหมาย มาในนามของการรักษาความสงบ การรักษาความมั่นคงนี่เอง ที่ทำให้มาร์กซ์และเลนินยกย่องการปฏิวัติ Commune de Paris ในปี 1871 ที่มุ่งจัดการกลไกรัฐทั้งหมด โดยไม่เข้าไปใช้กลไกเดิม แต่พังรื้อกลไกเดิมทั้งหมด และสร้างกลไกใหม่ให้เป็นของประชาชน