รวบรวมคาถาขับไล่เสนียดจัญไรทั้งโควิดร้ายและเหล่าคนชั่วให้ออกพ้นจากบ้านเมือง

2021-07-22 13:05:00

รวบรวมคาถาขับไล่เสนียดจัญไรทั้งโควิดร้ายและเหล่าคนชั่วให้ออกพ้นจากบ้านเมือง

Advertisement

รวบรวมคาถาขับไล่เสนียดจัญไรทั้งโควิดร้ายและเหล่าคนชั่วช้าให้ออกพ้นจากบ้านเมือง เพื่อความสงบสุขของประเทศจะกลับมา



พูดกันดีๆ ให้ออกไปมันยังไม่พอใช่ไหม ไอ้ตัวจัญไรบ้านจัญไรเมือง ทั้งโรคร้ายแพร่ระบาดทั้งเหล่าคนชั่วที่ขลุกขมัวทำให้บ้านเมืองแทบย่อยยับ !! ได้ๆๆ "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องใช้คาถา" ล่ะทีนี้ 




ในช่วงที่แสนทุกข์ยากลำบากของทุกๆ คน หลายคนเปลี่ยนความคิดต่ออนาคตตัวเองใหม่ทั้งหมด จากที่เคยวางแผนการเงินไว้ใช้ยามแก่เฒ่ากลับต้องเอาเงินทั้งหมดซื้อตั๋วเครื่องบิน ส่งตัวเองไปอาศัยยังเมืองนอกเมืองนา เพราะสถานการณ์บ้านเมือง ณ ปัจจุบันจะเรียกว่าถึงคราวย่ำแย่ก็พูดได้ ด้วยเชื้อโรคร้ายโควิด - 19 ที่เข้ามาระบาดใหญ่โตบานปลายกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างคน อีกทั้งยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จึงระเบิดเป็นความสิ้นหวังกับชีวิตที่จมดิ่งกับสภาพที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้





ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่อยากหนีปัญหาไปคว้าดาวแสนไกล ณ ต่างแดน ด้วยปัจจัยทางด้านการเงินและติดปัญหาเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดจึงต้องอยู่เพื่อสู้กับทุกๆ อย่างที่จะเกิดขึ้น และอีกหนทางหนึ่งที่อาจทำให้สภาพจิตใจทุกคนดีขึ้น นั่นคือการสวดภาวนาให้ตัวเองและคนรอบข้างแคล้วคลาดจากภยันตรายตามความเชื่อแห่งชาวพุทธ เพื่อเสริมความมั่นใจเพิ่มพลังให้กับตัวเองก่อนออกไปผจญกับเรื่องราวภายนอก



สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ อยู่ในช่วงนี้ การสวดมนต์หรือคาถาไล่มาร ขับไล่เสนียดจัญไรก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ได้ ซึ่งในกาลก่อนโบราณมาชาวไทยต่างใช้คาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร ก่อนออกรบเป็นประจำ อีกทั้งยังท่อง คาถาคร่าศัตรูหมู่มาร และบทสวดไล่ความอัปรีย์อื่นๆ เพื่อช่วยให้มีชัยชนะ และสู้รบได้สำเร็จอีกด้วย





ทั้งนี้ ทีมข่าวสกู๊ปพิเศษ นิวออนไลน์ ก็ได้รวบรวมบทสวดไล่เสนียดปัดเป่าจัญไร ชนะทุกปิศาจ หลุดจากบ่วงมาร มาฝากทุกคนกัน หากใครที่อยากจะแคล้วคลาดจากภัยอันตราย ชนะคู่แข่งและศัตรูทั้งปวง อาจจะยาวสักหน่อยแต่ถ้าหากรวมใจกันสวดหลายๆ คนจักดีมิใช่น้อย ว่าแล้วไปท่องบทสวดร่ายคาถากันได้เลย

สำหรับบทสวดมนต์ "รัตนสูตร" มีดังนี้

(ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนเริ่มบทสวด)



ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ

ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข

สัพเพ วะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ

อะโถปิ สักกัจจะ สุณันตุ ภาสิตัง



ตัสมา หิ ภูตา นิสาเมถะ สัพเพ

เมตตัง กะโรถะ มานุสิยา ปะชายะ

ทิวา จะ รัตโต จะ หะรันติ เย พะลิง

ตัสมา หิ เน รักขะถะ อัปปะมัตตาฯ

ยังกิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา

สัคเคสุ วา ยัง ระตะนัง ปะณีตัง

นะ โน สะมัง อัตถิ ตะถาคะเตนะ

อิทัมปิ พุเธ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

ขะยัง วิราคัง อะมะตัง ปะณีตัง

ยะทัชฌะคา สักยะมุนี สะมาหิโต

นะ เตนะ ธัมเมนะ สะมัตถิ กิญจิ

อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

ยัมพุทธะเสฏโฐ ปะริวัณณะยี สุจิง

สะมาธิมานันตะริกัญญะมาหุ

สะมาธินา เตนะ สะโม นะ วิชชะติ

อิทัมปิ ธัมเม ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

เย ปุคคะลา อัฏฐะ สะตัง ปะสัฏฐา

จัตตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนติ

เต ทักขิเณยยา สุคะตัสสะ สาวะกา

เอเตสุ ทินนานิ มะหัปผะลานิ

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุฯ

เย สุปปะยุตตา มะนะสา ทัฬเหนะ

นิกกามิโน โคตะมะสาสะนัมหิ

เต ปัตติปัตตา อะมะตัง วิคัยหะ

ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ ฯ

ยะถินทะขีโล ปะฐะวิง สิโต สิยา

จะตุพภิ วาเตภิ อะสัมปะกัมปิโย

ตะถูปะมัง สัปปุริสัง วะทามิ

โย อะริยะสัจจานิ อะเวจจะ ปัสสะติ

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

เย อะริยะสัจจานิ วิภาวะยันติ

คัมภีระปัญเญนะ สุเทสิตานิ

กิญจาปิ เต โหนติ ภุสัปปะมัตตา

นะ เต ภะวัง อัฏฐะมะมาทิยันติ

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

สะหาวัสสะ ทัสสะนะสัมปะทายะ

ตยัสสุ ธัมมา ชะหิตา ภะวันติ

สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉิตัญจะ

สีลัพพะตัง วาปิ ยะทัตถิ กิญจิ

จะตูหะปาเยหิ จะ วิปปะมุตโต

ฉะ จาภิฐานานิ อะภัพโพ กาตุง

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

กิญจาปิ โส กัมมัง กะโรติ ปาปะกัง

กาเยนะ วาจายุทะ เจตะสา วา

อะภัพโพ โส ตัสสะ ปะฏิจฉะทายะ

อะภัพพะตา ทิฏฐะปะทัสสะ วุตตา

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

วะนัปปะคุมเพ ยะถา ผุสสิตัคเค

คิมหานะมาเส ปะฐะมัสมิง คิมเห

ตะถูปะมัง ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ

นิพพานะคามิง ปะระมัง หิตายะ

อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร

อะนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ

อิทัมปิ พุทเธ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

ขีณัง ปุราณัง นะวัง นัตถิ สัมภะวัง

วิรัตตะจิตตายะติเก ภะวัสมิง

เต ขีณะพีชา อะวิรุฬหิฉันทา

นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป

อิทัมปิ สังเฆ ระตะนัง ปะณีตัง

เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ

ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข

ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง

พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ

ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข

ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง

ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุฯ

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ

ภุมมานิ วา ยานิวะ อันตะลิกเข

ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง

สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุฯ



ซึ่งที่มาและตำนานเกี่ยวกับบทสวด “รัตนสูตร” ตามความเชื่อในสมัยโบราณว่ากันว่า สาเหตุที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระสูตร ‘รัตนสูตร’ นี้ขึ้นมา ก็เพื่อขจัดปัดเป่าภัยความอดอยาก ภัยจากโรคระบาด และภัยจากอมนุษย์เบียดเบียน ชาวพุทธจึงถือเป็นธรรมเนียมสวดพระสูตรนี้เพื่อขจัดโรคภัยเช่นโรคห่า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าการสาธยายรัตนสูตร หรือรัตนปริตรจะทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วย

มีอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า “รัตนสูตร” เป็นพระสูตรที่พระอานนท์เรียนจากพระพุทธองค์โดยตรง เพื่อใช้สวดขจัดปัดเป่าภัยพิบัติที่เกิดกับชาวกรุงเวสาลี พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พระอานนท์น้อมเอาคุณของพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำสัจกิริยาให้เกิดเป็นอานุภาพขจัดปัดเป่าภัยพิบัติทั้งหลาย

เนื้อความ “รัตนสูตร” ท่อนแรกเริ่มต้นด้วยการแนะนำให้เหล่าภูตทั้งหลายได้อนุโมทนาบุญกุศลที่หมู่มนุษย์อุทิศให้ และเมื่ออนุโมทนาแล้วขอให้เกิดความเมตตาทำการรักษามนุษย์ทั้งหลาย ส่วนเนื้อความท่อนต่อมาเป็นการอ้างคุณพระรัตนตรัยเป็นสัจวาจาให้เกิดความสวัสดี ส่วนท่อนสุดท้ายเป็นคำกล่าวของท้าวสักกะ ที่ผูกขึ้นเป็นคาถาพรรณนาคุณพระรัตนตรัยเป็นสัจวาจาให้เกิดความสวัสดีเช่นกัน

ภายหลัง “รัตนสูตร” ได้กลายเป็นแบบอย่างในการทำน้ำพระพุทธมนต์สำหรับพระสงฆ์สาวกสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทุกครั้งที่มีการทำน้ำพระพุทธมนต์ จะต้องมีการสวดบท “รัตนสูตร” เพื่อเป็นการขจัดภัยทั้ง 3 ประการตามที่ปรากฏในพระสูตรคือ ข้าวยากหมากแพง (ทุพภิกขภัย), ภูตผีปีศาจทำอันตราย (อมนุสภัย), โรคภัยไข้เจ็บ (โรคภัย) ให้อันตรธานไป

ด้วยอานุภาพแห่งรัตนสูตรนี้ แม้กรุงเวสาลีจะเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ผู้คนอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก ซากศพถูกทอดทิ้งเกลื่อนนคร ภูตผีปีศาจทำอันตรายแก่หมู่มนุษย์ มีโรคระบาดเกิดขึ้นแพร่กระจายไปทั่ว เมื่อพระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระอานนท์สวดบท “รัตนสูตร” และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ภัยพิบัติร้ายแรงเช่นนี้ก็ระงับลงได้อย่างฉับพลัน



คาถาชนะมาร 10 ทิศ

หรือเรียกว่า "คาถาโพธิบาท" ที่รู้จักกันในบทสวดป้องกันภัย 10 ทิศ เพื่อช่วยป้องกันภัยอันตรายที่เกิดขึ้นได้รอบตัวในทุกๆ ด้าน ซึ่งบทสวดนี้จะเป็นบทสวดที่ค่อนข้างยาว จึงแนะนำให้สวดทุกคืนก่อนนอน นอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว ยังช่วยเสริมสมาธิให้มากขึ้นได้อีกด้วย

บทสวด : บูระพารัสมิง พระพุทธะคุณัง บูระพารัสมิง พระธัมเมตัง บูระพารัสมิง พระสังฆานัง

ทุกขะโรคะภะยัง วิวัญชัยเย สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร วิวัญชัยเย

สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม รักขันตุ สุรักขันตุ

Tips : ท่อง 10 จบ เที่ยวต่อไปเปลี่ยนคำตัวหนาจาก บูระพารัสมิง เป็น อาคะเนยรัสมิง, ทักษิณรัสมิง, หรดีรัสมิง, ปัจจิมรัสมิง, พายัพรัสมิง, อุดรรัสมิง, อิสานรัสมิง, ปะฐะวีรัสมิง ตามลำดับ



คาถาชนะมาร ปัญจะมาเร

คาถาชนะมาร ปัญจะมาเร ซึ่งเป็นคาถาปราบมารจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้สวดเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุในบ้าน, อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือแม้แต่อันตรายที่อาจจะเกิดได้จากคน สัตว์ หรือสิ่งของต่างๆ ก็สามารถสวดบทนี้ได้เช่นกัน

บทสวด : ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง

จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

Tips : ใช้บทสวดคาถาชนะมาร ปัญจะมาเร สวดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันอันตรายทั้งปวง



คาถาชนะศัตรู

สำหรับคาถาไล่มารบทนี้หากสวดเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ศัตรู เจ้ากรรมนายเวร หรือหมู่มารต่าง ๆ ที่คิดร้ายต่อเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้น หากช่วงไหนที่เจออุปสรรคเยอะ ก็สามารถใช้บทสวดนี้ เพื่อช่วยให้ศัตรูที่คิดร้ายกับเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้นได้ แม้จะใช้เวลาในการสวดสักหน่อยเพราะต้องสวดหลายจบ และต้องกรวดน้ำไปด้วย แต่รับรองว่าถ้าสวดเป็นประจำทุกวัน ศัตรูหรือเจ้ากรรมนายเวรต่างๆ ที่คิดร้ายจะทำอะไรไม่ได้แน่นอน 

บทสวด : อัตตา หะเส ชิตัง เสยโย ยาจายัง อิตรา ปะชา

อัตตะทันตัสสะโปสัสสะ นิจจัง สัญญะตะจาริโน

เนวะ เทโว นะ คันธัพโพ นะ มาโร สะหพ พรหมมุนา

ชิตัง อะปะชิตัง กะยิรา ตะถารูปัสสะ ชันตุโน

Tips : สวดคาถาชนะศัตรูนี้ 5 หรือ 7 จบ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มารต่าง ๆ



คาถาข่มศัตรู

สำหรับใครที่จะต้องเดินทางไปพบศัตรู หรือต้องไปเจอกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน การสอบเข้าต่างๆ ก็สามารถสวดคาถาข่มศัตรู เพื่อให้ศัตรูเกรงกลัวต่างๆ และเสริมสิริมงคลให้ตัวเองได้เช่นกัน อีกทั้งบทสวดยังสั้นมาก เพียงแค่สามบรรทัด สวดซ้ำเพียงแค่ไม่กี่รอบ ก็สามารถออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจแล้ว

บทสวด : ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโหวะมหิทธิโก

อะระหัง ตะมัตทังปะกาเสนโต ราชะสิงโห

สัตถาอาหะ นะโมพุทธายะ นะมามิสุคะตังชินัง

Tips : สวดคาถาข่มศัตรู 3 จบ และกระทืบเท้าดัง ๆ หนึ่งครั้งก่อนออกจากบ้าน



คาถาชนะมาร 

สำหรับบทสวดนี้ หากสวดเป็นประจำทุกวันจะทำให้ศัตรู เจ้ากรรมนายเวร หรือหมู่มารต่างๆ ที่คิดร้ายต่อเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้น หากช่วงไหนที่เจออุปสรรคเยอะ ก็สามารถใช้บทสวดนี้ เพื่อช่วยให้ศัตรูที่คิดร้ายกับเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้นได้ แม้จะใช้เวลาในการสวดสักหน่อยเพราะต้องสวดหลายจบและต้องกรวดน้ำไปด้วย แต่รับรองว่าถ้าสวดเป็นประจำทุกวัน ศัตรูหรือเจ้ากรรมนายเวรต่างๆ ที่คิดร้ายจะทำอะไรไม่ได้แน่นอน

บทสวด : นะโม พุทธายะ โมคคัลลานัญ จะมหาเถโร อิทธิมันโต อานุภาเวนะ เชยยะสิทธิเม

Tips : ใช้สวดเพื่อให้เอาชนะจากคนไม่ดี เพื่อให้ไม่สามารถทำอันตรายเราได้



คาถารอด

สำหรับบทสวดนี้หากสวดเป็นประจำทุกวันจะทำให้ศัตรู เจ้ากรรมนายเวร หรือหมู่มารต่างๆ ที่คิดร้ายต่อเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้น หากช่วงไหนที่เจออุปสรรคเยอะ ก็สามารถใช้บทสวดนี้ เพื่อช่วยให้ศัตรูที่คิดร้ายกับเรา พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้นได้ แม้จะใช้เวลาในการสวดสักหน่อยเพราะต้องสวดหลายจบ และต้องกรวดน้ำไปด้วย แต่รับรองว่าถ้าสวดเป็นประจำทุกวันศัตรู หรือเจ้ากรรมนายเวรต่างๆ ที่คิดร้ายจะทำอะไรไม่ได้แน่นอน

บทสวด : นะรา นะระ หิตังเทวัง นะระเทเรหิปูชิตัง นะรานังกะมะปังเกหิ นะมามิสุคะตังชินัง

Tips : สวดคาถาชนะศัตรูนี้ 5 หรือ 7 จบ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มารต่าง ๆ



บทสวดพาหุงชนะมาร แบบสั้น 

หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับบทสวดพาหุง ซึ่งจะเป็นบทสวดที่ค่อนข้างยาวและใช้เวลานานพอสวมควร แต่ในบทนี้เราได้นำบทสวดแบบสั้น ที่สวดง่ายขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยสรรเสริญเรื่องชัยชนะต่าง ๆ ทั้งแปดประการ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ให้กับตัวเองเป็นประจำทุกวัน 

บทสวด : พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ

Tips : ท่องนะโม 3 จบ ก่อนจะสวดบทสวดพาหุง