ด่วน!นายกฯล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวอีก 3 จังหวัด

2021-07-18 09:57:00

 ด่วน!นายกฯล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวอีก 3 จังหวัด

Advertisement

ด่วน! นายกฯออก "ข้อกำหนด-คำสั่ง ศบค." ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพิ่มอีก 3 จังหวัดประกอบด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา รวมเป็น 13 จังหวัด มีผล 20 ก.ค.เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28 )  ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2564 เป็นต้นไป  เว้นเฉพาะมาตรการขนส่งสาธารณะ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2564 ระบุว่า โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 ที่มีการกลายพันธุ์เป็นหลายสายพันธุ์ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งรัฐบาลโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็งและจริงจังในการเพิ่มศักยภาพด้านการตรวจคัดกรอง การรักษาพยาบาล และการเร่งรัดการจัดฉีดวัคซีนให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีการประเมินสถานการณ์ภายหลังการมีผลใช้ บังคับของข้อกำหนด (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 ก.ค.2564 ปรากฏว่ายังไม่อาจชะลออัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอาการโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาคหลายจังหวัดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มต่อเนื่อง ซึ่งมักเป็นการติดเชื้อจากการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในครอบครัวและชุมชน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้นของมาตรการและการบังคับใช้อย่างจริงจังเพิ่มเติมขึ้น จากข้อกำหนดที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า เพื่อเร่งแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉินให้คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุดนายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้

-การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ กำหนดปรับปรุงเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา  และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่  นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ สงขลา  (เดิม 10 จังหวัด เพิ่มมา 3 จังหวัดประกอบด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา)

-การลดและจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เลี่ยง จำกัดหรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น สำหรับการเดินทางในบางกรณีที่จำเป็น เช่น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหาร ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์ เพื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์และสาธรณสุข การรักษาพยาบาล การรับวัคนป้องกันโรค หรือมีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติงานหรือการประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งได้ สามารถกระทำได้แต่ต้องพึ่งใช้ความระมัดระวังในการป้องกันตนเองตามคำแนะนำของพนักงานเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด  

-กำหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วันนับแต่วันที่ข้อกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับ  ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ย่อมมีความผิดและต้องระวางโทษตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

นอกจากนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ยังเผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 10/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยสาระสำคัญ คือ  

เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด  13 จังหวัด (เดิม 10 จังหวัด เพิ่มมา 3 จังหวัดประกอบด้วย ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา) ประกอบด้วย

1. กรุงเทพมหานคร

2. ฉะเชิงเทรา

3. ชลบุรี

4. นครปฐม

5. นนทบุรี

6. นราธิวาส

7. ปทุมธานี

8. ปัตตานี

9. พระนครศรีอยุธยา

10. ยะลา

11. สงขลา

12. จังหวัดสมุทรปราการ

13. จังหวัดสมุทรสาคร

พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งสิ้น 53 จังหวัด 

1. กระบี่

2. กาญจนบุรี

3. กาฬสินธุ์

4. กำแพงเพชร

5. ขอนแก่น

6.จันทบุรี

7. ชัยนาท

8.ชัยภูมิ

9. เชียงราย

10. เชียงใหม่

11. ตรัง

12. ตราด

13. ตาก

14. นครนายก

15. จังหวัดนครราชสีมา

16. นครศรีธรรมราช

17. นครสวรรค์

18.บุรีรัมย์

19. ประจวบคีรีขันธ์

20.ปราจีนบุรี

21.พัทลุง

22.พิจิตร

23.พิษณุโลก

24.เพชรบุรี

25. เพชรบูรณ์

26. มหาสารคาม

27. ยโสธร

28. ร้อยเอ็ด

29. ระนอง

30.ระยอง

31. ราชบุรี

32. ลพบุรี

33. ลำปาง

34. ลำพูน

35.เลย

36. ศรีสะเกษ

37. สกลนคร

38.สตูล

39. สมุทรสงคราม

40. สระแก้ว

41. สระบุรี

42. สิงห์บุรี

43. สุโขทัย

44. สุพรรณบุรี

45. สุรินทร์

46. หนองคาย

47. หนองบัวลำภู

48. อ่างทอง

49. อุดรธานี

50. อุทัยธานี

51. อุตรดิตถ์

52. อุบลราชธานี

53. อำนาจเจริญ

พื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด

1. ชุมพร

2. นครพนม

3. น่าน

4. บึงกาฬ

5. พังงา

6. แพร่

7. จพะเยา

8. มุกดาหาร

9. แม่ฮ่องสอน

10. สุราษฎร์ธานี

พื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น 1 จังหวัด

1. ภูเก็ต