"พัชรินทร์"หนุน สตช. ลุย Smart Safety Zone เพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้คนกรุง ขอบคุณ "บิ๊กปั๊ด-บิ๊กโจ๊ก" นำร่อง 15 พิกัดเสี่ยง เลือกลุมพินี พื้นที่ใจกลางเมืองย่านศก. หวังเรียกเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว-ปชช. ให้สัญจรได้ทุกตรอกซอกซอย แบบไร้กังวล
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ตนได้หารือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เคยหารือกันไปก่อนหน้านี้ ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Smart Safety Zone) ทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มต้นนำร่องใน 15 พื้นที่จุดเสี่ยง โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่เป็นแลนด์มาร์ค และย่านเศรษฐกิจ เช่น พื้นที่ลุมพินี เขตปทุมวัน เขตห้วยขวาง เขตภาษีเจริญ ส่วนในต่างจังหวัด เช่น พัทยา และเชียงใหม่ เป็นต้น ยกตัวอย่างพื้นที่ลุมพินี เขตปทุมวัน ที่นับว่าเป็นย่านเศรษฐกิจ ใจกลาง กทม. หากเกิดอาชญากรรมในพื้นที่ ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และประชาชนในพื้นที่ จึงถูกหยิบยกขึ้นมานำร่องในโครงการนี้
ดร.พัชรินทร์ กล่าวต่อว่า การสร้างพื้นที่ปลอดภัย จะเป็นการดำเนินการอย่างรอบด้าน อาทิ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ให้มีสภาพเป็นพื้นที่เสี่ยง เช่น การติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง การปิดอาคารร้างไม่ให้เป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากร, การทำงานร่วมกันของบุคลากรเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราพื้นที่ ทั้งสายตรวจ อาสาสมัคร ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งเป็นผู้เข้าใจพื้นที่ดีที่สุด ว่าจุดใดที่อาจเป็นจุดเสี่ยงอันตราย โดยจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเฝ้าติดตามปัญหาอาชญากรรม เช่น การใช้กล้อง AI ควบคู่ไปกับกล้องของทุกหน่วยงาน ทั้งของ กทม. สตช. และภาคเอกชน รวมทั้งยังจัดช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส หรือแจ้งพิกัดพื้นที่อันตราย เช่น พบการมั่วสุม ไฟฟ้าดับ พื้นที่รกร้าง เป็นต้น เพื่อให้หน่วยงานเข้าดำเนินการด้วย
ดร.พัชรินทร์ กล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของประชาชนในทุกมิติ และรับเป็นเจ้าภาพในการดำเนินนโยบายนี้ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) เป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการนี้จนเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดตนได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และพร้อมให้ความร่วมมือในการประสานงานผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชน ตามที่ตนได้ขับเคลื่อนผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด และยังถือเป็นการพลิกวิกฤตในช่วงนี้ที่ผู้คนไม่ออกมาสัญจรมากนัก ให้กลายเป็นโอกาสในการพัฒนาพื้นที่รกร้าง ให้กลับมาปลอดภัย ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลในทุกตรอกซอกซอย