"ชมรมแพทย์ชนบท" ชี้เปิดประเทศใน 120 วัน นายกฯสื่อสารเพื่อสร้างความหวัง แต่อาจไม่ใช่ความจริง ถ้าวัคซีนไม่พอ แถมมีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ ข่าววงในแฉ "บิ๊กตู่"แถลง บิ๊ก สธ.ยังไม่รู้ คาดปรึกษาหมอคงไม่ได้เปิดประเทศ ต.ค.แน่
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เพจ ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความระบุว่า ลับลวงพราง วัคซีนโควิด ตอน 14 เปิดประเทศใน 120 วัน มุมมองในทัศนะแพทย์ชนบท ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมทีมงานกุนซือของนายกฯประยุทธ์ที่สามารถแก้เกมส์ทางการเมืองได้ดี เบี่ยงประเด็นจากที่คนนับวัคซีนว่าวันนี้วัคซีนจะมาไหมมากี่โดส มาเป็นการนับวันถอยหลังเตรียมเปิดประเทศแทน
16 มิ.ย.2564 นายกฯแถลงเป้าหมายของประเทศได้อย่างแหลมคมว่า "ตั้งเป้าเปิดประเทศใน 120 วัน เราก็ไม่สามารถรอจนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อน" จากเดิมที่ทุกคนเข้าใจเองโดยรัฐบาลไม่ได้ประกาศว่าน่าจะเปิดประเทศได้ในช่วงหลังปีใหม่ 2565 เพราะเราฉีดวัคซีนกันครบ 2 เข็มแล้ว ครั้งนี้ทีมงานนายกฯขยับเวลาแห่งความหวังให้เร็วขึ้นมาอีก 2 เดือน ด้วยชุดคิดพยุงเศรษฐกิจและเห็นว่าช่วงตุลาคมนั้นตามแผนเดิมของรัฐบาล คนส่วนใหญ่ราว 60% จะได้วัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว แล้วบางส่วนก็ได้ 2 เข็มไปบ้างแล้ว
ข่าววงในสุดๆบอกว่า การแถลงข่าวของนายกฯประยุทธ์ต่อเรื่องการเปิดประเทศ 120 วันในครั้งนี้ กุนซือที่ชงเรื่องมาจากสายเศรษฐกิจในนามของ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ที่มีสภาพัฒน์เป็นเลขาใหญ่ และที่น่าสนใจคือ การตัดสินใจครั้งนี้ของนายกฯประยุทธ์ แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสายสาธารณสุขเองก็รู้เรื่องพร้อมประชาชน!! นายกฯอาจจะคิดว่า ถ้าปรึกษาพวกหมอๆแล้วคงไม่ได้เปิดประเทศเดือน ต.ค.เป็นแน่แท้
คำถามใหญ่ที่สำคัญคือ “ 120 วันเปิดประเทศนี่คือเป้า แต่แผนปฏิบัติการไปสู่เป้าหมายนี้คืออะไร มีไหม อย่างไร” เรายังไม่เห็นและไม่มีใครเห็น คงต้องให้เวลารัฐบาลอีกสักนิด อย่างไรก็ตาม ตามหลักวิชาการการเปิดประเทศจะล้มหรือรุ่ง ปัจจัยสำคัญคือ เราสามารถควบคุมโรค จนไม่มีการระบาดใหญ่ในรอบเดือนตุลาคมเป็นต้นไปได้หรือไม่
การระบาดใหญ่จะมาจาก 2 เหตุคือ วัคซีนมีไม่มากพอ และ มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ สองปัจจัยสำคัญด้านระบาดวิทยา หัวใจของการเปิดประเทศจึงอยู่ที่จำนวนวัคซีนที่จะได้ฉีดกันอย่างถ้วนหน้าไหมอยู่ดี ทีมงานรัฐบาลก็รู้ว่า จำนวนวัคซีนคือปัจจัยชี้ขาด แอสตร้าไทยแลนด์ในเดือน ก.ค.เป็นต้นไปจะส่งได้ 10ล้านโดสตามที่รัฐบาลระบุไว้จริงไหม ซึ่งคงต้องลุ้นอย่างหนัก ดังนั้นช่วงนี้จึงเห็นความพยายามที่จะนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้น มีการเจรจาขอซื้อซิโนแวคเพิ่มอีก 28 ล้านโดส เร่งรัดนำเข้าไฟเซอร์เพื่อเด็กนักเรียน เป็นต้น
และหากมีการระบาดระลอกใหม่ที่มาจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เข้ามา วัคซีนที่เราฉีดไปอาจไม่สามารถสร้างภูมิป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้เต็มที่ ก็จะเกิดพีคการระบาดขึ้นมา ดังนั้นการป้องกันการเข้ามาของเชื้อกลายพันธุ์โดยเฉพาะสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาตามแนวชายแดนจึงสำคัญมากๆ นายกฯกำลังสื่อสารเพื่อสร้างความหวัง แต่นั่นอาจไม่ใช่ความจริง ถ้าวัคซีนไม่พอ และ มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์
ขอบคุณเพจ ชมรมแพทย์ชนบท