ศาลแก้โทษ "ลุงวิศวะ"คุก 3 ปี 4 เดือนรอลงอาญา 3 ปี

2021-06-17 18:48:25

ศาลแก้โทษ "ลุงวิศวะ"คุก 3 ปี 4 เดือนรอลงอาญา 3 ปี

Advertisement

ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษ "ลุงวิศวะ"ยิงหนุ่ม 17 ​เสียชีวิตจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติ 2 ปี

จากกรณีนายสุเทพ โภชน์สมบูรณ์ วิศวกร ยิงนายนวพล หรือปอนด์  ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2560 ที่บริเวณแยกครกใหญ่  ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยนายสุเทพ ยืนยันสาเหตุที่ยิงเพื่อป้องกันตัว ขณะที่ฝ่ายวัยรุ่นและมารดาของผู้ตาย ยืนยันว่าเป็นฝ่ายถูกยิงก่อน ขณะที่เข้าไปเจรจากับนายสุเทพ ไม่ได้รุมทำร้ายนายสุเทพแต่อย่างใด 

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ศาลจังหวัดชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายสุเทพ เป็นจำเลยในความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยก่อเหตุยิง นายนวพล สำหรับคดีนี้​ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องจำเลยฎีกา  ทั้งนี้จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืน ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า มูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตปาธจะออกไปได้หรือไม่ เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลยกำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้ กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอ ย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง แต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากัน ขึ้นรถยนต์ตู้ไป ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่นจำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่องกับจำเลย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อย จึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน เชื่อได้ว่า ในขณะที่รถยนต์ของทั้ง 2 ฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่องอีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้ง 2 ฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้ง จนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลย ไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้โดยง่าย

ส่วนฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้าย จึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น เมื่อรถยนต์ของทั้ง 2 ฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยมิได้ขับรถปาดหน้ารถพวกของผู้ตายเพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตปาธและมิได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า มึงจะรบป่าว หลายครั้งและมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน ขณะเดียวกันจำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลัง ย่อมถือได้ว่ามีอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้วประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไปจึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้ายโดยผู้ตายและพวกได้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิง หรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตาย ก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมีให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว แต่จำเลยกลับใช้อาวุธที่หน้าอกซ้ายของผู้ตาย แม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว  ศาลได้พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม  เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนแล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชม.

ด้านนางมณีพร ผึ่งผาย แม่ของนายนวพล ผึ่งผาย หรือ น้องปอนด์ กล่าวว่า  ก็ไม่มีอะไรแล้ว มันนานมาแล้วก็ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ส่วนทางแพ่งก็เหมือนเดิม เขาต้องมาชดใช้ และวันนี้คำพิพากษาก็เป็นไปตามที่ศาลท่านพิจารณา จำเลยไม่มาก็มีการปรับไปแล้ว ส่วนทางแพ่งก็ต้องรอดูว่าจะมาชดใช้เมื่อไหร่