"หมอนิธิ"ขออย่าโทษ "รัฐบาล-สธ.-อว. -กทม." แจง รพ.จุฬาภรณ์เตรียมจัดระบบใหม่ฉีดวัคซีนจึงงดการฉีดวัคซีนหลักออกไปตั้งแต่ 14 มิ.ย.
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเพจ Nithi Mahanonda ระบุว่า โอยยย…..แค่นอนอ่านหนังสือวันนึงแค่นั้นกลับมาออนไลน์พบว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนกันไปหน่อย อธิบายเพิ่มนิดนะครับ เนื่องจาก ราชวิทยาลัยฯ / โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ต้องเตรียมจัดระบบใหม่ในการจัดการวัคซีนตัวเลือกที่จะเริ่มกระจายฉีดภายในไม่เกิน 2-3 สัปดาห์นี้ ประกอบกับขณะนี้ทาง กทม. ก็เตรียมการเพื่อบริการฉีดวัคซีนได้หลายที่แล้ว และกระจายอยู่ทั่วไปมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งหลายหน่วยงานมาดูวิธีการบริหารระบบที่ให้บริการฉีดอย่างมีประสิทธิภาพที่ราชวิทยาลัยฯ ทำเป็นตัวอย่างไปแล้วด้วย เราจึงต้องปรับเลื่อนการให้บริการฉีดวัคซีนหลักออกไปก่อนพักนึง(เริ่ม 14 มิ.ย. ) ดังนั้น อย่าไปโทษรัฐบาล หรือส่วนกลางหรือ สธ. หรือ อว. หรือ กทม. เลยครับ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัย นอกจากนี้ ราชวิทยาลัยฯ ยังมีทีมจิตอาสาที่ออกไปช่วยบริการฉีดวัคซีนให้กับ กทม.และที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันกับทางมหาวิทยาลัยอยู่ครับ เราไม่ได้ทอดทิ้งกัน “ทำดีไว้แล้วก็จะดี”
นอกจากนี้ ศ.นพ.นิธิ โพสต์ด้วยว่า ใน กทม. มีประชาชนประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งควรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 6 ล้านคน จึงจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อยับยั้งการระบาด รวมแล้วต้องให้บริการฉีดวัคซีน 12 ล้านโดส เราควรฉีดให้เสร็จใน 4 เดือน หรือ 120 วัน (ถ้าช้ากว่านี้ อาจจะมีปัญหาในการยับยั้งเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ ) ดังนั้น ในกรุงเทพมหานคร เราต้องบริการฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 100,000 โดส การเปิดจุดบริการฉีดน้อยแห่งจะทำให้เป็นไปได้ยากมากถึงมากที่สุด ขณะนี้ กทม. มีจุดบริการฉีดวัคซีน ไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง คิดว่ายังไม่รวมของมหาวิทยาลัยต่างๆ คำนวณง่ายๆ เอาตัวเลขกลมๆ แต่ละจุดบริการควรฉีดได้ 3,000 ถึง 5,000 ราย ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด ในการเริ่มต้นแรกๆ แต่ละจุดอาจจะฉีดได้ไม่ถึงเป้าและควรต้องปรับระบบไปทุกๆ วัน พร้อมกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไม่ลังเลที่จะฉีดและอำนวยความสะดวกในการไปรับการฉีด การกระจายวัคซีน ของกรมควบคุมโรค สธ. กทม. และมหาวิทยาลัยในสังกัด อว. ในขณะนี้ถูกต้องเหมาะสมแล้วครับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ก็ทำมาพักหนึ่งกว่าจะปรับระบบได้ ดังนั้น ในช่วงนี้ที่ปริมาณวัคซีนกำลังทะยอยเข้ามา จึงเหมาะแล้วที่ควรให้เริ่มไปช่วยกันหลายๆแห่งถึงตรงนี้แหละครับ (ร่ายที่มาที่ไปเสียยาว) ทั้งสามส่วนงานข้างต้นและราชวิทยาลัย / โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มีการหารือคุยกันใกล้ชิดตลอดเวลา และเห็นพ้องต้องกัน ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน คือทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยต้องได้รับวัคซีนโดยเร็วครับ และทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะได้รับการจัดสรรวัคซีนหลักมา เมื่อมีปริมาณวัคซีนหลักมากขึ้นนะครับ
สำหรับ หกแสนกว่าคนที่ได้ลงทะเบียนรอมารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์บริการวัคซีนของราชวิทยาลัยฯ และได้รับหมายเลข ID ที่ไปแล้ว ผู้ที่ได้รับหมายเลข ID มากกว่า 250,000 ขึ้นไปที่สามารถหาจุดฉีดวัคซีนที่อื่นๆ ใน กทม.ได้ ผมขอแนะนำว่าให้ไปลงทะเบียนและหาที่ฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงถ้าติดเชื้อและผู้ที่เสี่ยงสูงในการได้รับเชื้อและแพร่เชื้อได้ง่าย ส่วนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และผู้ด้อยโอกาสที่เข้าไม่ถึงอินเตอร์เน็ตหรือการจองออนไลน์ รวมถึงผู้ที่ไว้วางใจโรงพยาบาลจุฬาภรณ์โรงพยาบาลจะทะยอยเรียกเข้ามารับวัคซีนต่อไปโดยเร็ว เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีนัดรับวัคซีนเข็มที่สองยังเข้ามารับตามนัดได้ครับ และเมื่อมีวัคซีนมาเพื่มปรับแผนใหม่จะแจ้งอีกครั้ง“ทำดีไว้แล้วก็จะดี” “ทำดีไว้แล้วก็จะดี”
ขอบคุณเพจ Nithi Mahanonda