“ครอบครัวน้องเมย” เรียกร้องกองทัพหาตัวคนผิด ข้องใจตับม้ามเลือดคั่ง

2017-11-26 13:40:40

“ครอบครัวน้องเมย” เรียกร้องกองทัพหาตัวคนผิด ข้องใจตับม้ามเลือดคั่ง

Advertisement

จากกรณี น้องเมย นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยยังไม่มีการระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด นอกจากนี้ยังมีอวัยวะบางส่วนในร่างกายหายไป ซึ่งทางครอบครัวพึ่งจะได้รับอวัยวะของน้องเมยคืนไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเป็นวงกว้าง และขณะนี้ได้มีการสั่งย้าย น.ท.นพสิษฐ์ เพียรชอบ ผู้บังคับกองพันนักเรียนเตรียมทหารเข้าประจำหน่วยบัญชาการนาวิโยธินนั้น



เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายพิเชษฐ นางสุกัลยา และนางสาวสุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อแม่พี่สาว ของน้องเมย เดินทางมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ในหลากหลายประเด็น ที่ร้านศิลาคอฟฟี่แอนด์บริสโต ม.5 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี  

ด้านนายพิเชษฐ กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.สส ที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นตามมานั่นคือการช่วยตามหาผู้กระทำผิด เพื่อให้ครอบครัวพ้นจากคำครหา กรณีว่าน้องเมยเสียชีวิตจากโรคประจำตัว หรืออยากฆ่าตัวตาย อันที่จริงแล้วทางครอบครัวไม่อยากทะเลาะกับทางโรงเรียนเตรียมทหารหรือกองทัพเลยแม้แต่น้อย ทางครอบครัวเคารพกองพันเสมอ เพียงแต่ต้องการให้ทางโรงเรียนเตรียมทหารมีคนดูแลที่ดีรัดกุมกว่านี้เพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบน้องเมย





ด้านนางสาวสุพิชา กล่าวว่า ในส่วนของการค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตของน้องเมย ตนได้รับเอกสารรายงานการตรวจศพ ของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาจากร้อยเวรเจ้าของคดี ผลชันสูตรชีแจงว่า กระดูกซี่โครงซี่ที่ 4 หัก นอกจากนี้ดบว่ามีการคั่งเลือดที่ตับและม้าม จึงทำให้ครอบครัวเกิดความสงสัย เนื่องจากตับและม้ามอยู่ห่างจากจุดที่ทำการ CPR ถึงแม้ว่าวันที่น้องเมยเสียชีวิตทางครอบครัวจะขอให้ทีมแพทย์ของรพ.จปร. ทำการ CPR น้องเมยจนกว่าครอบครัวจะไปถึง นานถึง 4 ชั่วโมง แต่ทีมแพทย์ทางสถานิติเวช กระทรวงยุธรรม ก็แจ้งว่าต่อให้การ CPR นาน 4 ชั่วโมง ก็ไม่มีผลทำให้ตับและม้ามมีเลือดคั่งได้ แต่สาเหตุเกิดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรง


นอกจากนี้ ในวันที่ 13 ต.ค.  ก่อนน้องเมยเสียชีวิต 4 วัน ตนได้พาน้องเมยไปทำการรักษาที่ รพ.สมิเวช ศรีราชา เนื่องจากน้องเมยแจ้งว่าตกบันได ซึ่งจากการเอ็กเรย์ร่างกายก็ไม่พบว่าน้องเมยมีความผิดปกติใด ๆ อีกทั้งแพทย์ระบะว่า หัวใจของน้องเมยมีขนาดปกติ ทำให้เกิดความสงสัยว่าเพียงแค่ 4 วัน หัวใจจะโตจนผิดปกติจนทำให้น้องเมยเสียชีวิตได้อย่างไร และหลังจากที่ครอบครัวเดินทางไปรับอวัยวะของน้องเมยมาได้นำไปส่งให้สถาบันนิติเวช กระทรวงยุธรรม ทำการตรวจสอบว่าเป็นอวัยวะของน้องเมยจริงหรือไม่ ครบถ้วนทุกส่วนหรือไม่ และหาความผิดปติของอวัยวะ โดยขณะนี้ทีมแพทย์อยู่ในการตั้งทีมแพทย์หัวใจเพื่อหารายละเอียดการเสียชีวิตที่แน่ชัด 3 คน

จากนั้นเมื่อถึงวันผ่าจะได้เชิญตนเองเข้าไปพิสูจน์ดูการผ่าตรวจสอบอวัยวะด้วย และจะสามารถทราบผลการผ่าได้ในอีก 7 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในส่วนของคดีความทางตำรวจเจ้าของคดีคาดว่าน่าจะเรียกสอบพยานไปแล้ว 4 ปาก และยังไม่ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ขณะนี้ตนก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหากพบว่าน้องเมยเสียชีวิตจากภาวะหัวใจจริง ทางครอบครัวสามารถรับได้ แต่หากพบว่าน้องมีการถูกกระทำมีร่องรอยบอบช้ำร่วมด้วยก็จะต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ใครทำสิ่งใดไว้ก็ต้องได้รับผลนั้น





ด้านนางสุกัลยา กล่าวว่า มีแพทย์ศัลยกรรมอุบัติเหตุผู้หวังดีทราบข่าวที่ออกตามสื่อโทรมา โดยที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ให้ข้อมูลว่า การเสียชีวิตของน้องเมยที่ซี่โครงหักนั้นเกิดจากแรงกระแทก พร้อมกับสอบถามว่าที่รร.เตรียมทหาร มีคนทราบหรือไม่ว่าน้องเมยถูกกระทำ ตนจึงบอกว่ามี แพทย์จึงแจ้งว่าเหตุใดจึงไม่มีใครห้ามเพราะร่างกายน้องเมยไม่พร้อม เคยทำ CPR ไปก่อนหน้านี้ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เหตุใดจึงยังคงกระทำน้องอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามทางครอบครัวขอขอบคุณทุกกำลังใจ เดินไปไหนก็มีคนมาร้องไห้กอดให้กำลังใจครอบครัว ขอบคุณทุกคนจากใจจริง ๆ



เบื้องต้นคาดว่าอวัยวะของน้องเมยจะมีการผ่าพิสูจน์ในสัปดาห์หน้า ที่สถาบันนิติเวช กระทรวงยุติธรรม