สพฉ.วุ่นสั่งกักตัว จนท.หลังหัวหน้าหน่วยรถฉุกเฉินเอกชนที่ช่วยรับส่งผู้ป่วยติดโควิด- 19 ผู้ติดเชื้อโพสต์รู้อยู่แก่ใจมันเสี่ยงแต่เป็นคนเลือกเอง ถ้ามัวกลัว รังเกียจคนไข้ เขาจะหันหน้าไปพึ่งใคร
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ว่า ได้พบในพนักงานรถฉุกเฉินเอกชนติดโควิด-19 โดยผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก "ตั้ม สยามแอมบูแลนซ์" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ภารกิจนี้ผมเป็นคนเลือกเองรู้อยู่แก่ใจว่ามันเสี่ยงและก็เตรียมใจไว้แล้วในระดับหนึ่งวันข้างหน้าจะ สุขหรือทุกข์เท่ากับว่าผมได้คิดและไตร่ตรองอย่างดี ก่อนที่จะทำมันลงไปบุคลากรทางการแพทย์อย่างเรา ถ้ามัวกลัวหรือรังเกียจเชื้อโควิช ผู้ป่วย ผู้ไข้ เขาจะหันหน้าไปพึ่งใคร เราไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำให้ผู้ป่วยหายทันตา แต่เราคือฟันเฟือง กระบวนการ ที่จะทำให้ผู้ป่วยหาย และกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ วันนี้ร่างกายผมติดเชื้อโควิช-19 อาการโดยทั่วไป มีไข้ 38เซลเซียนสปวดเมื่อยตามร่างกาย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่สามารถที่จะรับรสได้ นักรบที่พักรออกศึกอีกรอบ
ทั้งนี้ได้เกิดความวุ่นวายในสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เนื่องจาก บริษัทสยามแอมบูแลนซ์ เป็นหนึ่งในบริษัทรถพยาบาลเอกชนที่ถูกระดมมาช่วยงานตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และได้ปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องมาจนถึงกลางเพือน พ.ค.
นายการันต์ ศรีวัฒนบูรพา เจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านการสื่อสารองค์กร ในฐานะผู้ช่วยโฆษก สพฉ. ได้รายงาน ในที่ประชุมวอร์รูมของสถาบัน ว่า ตนได้รับแจ้งจากนายอาทิตย์ วิชาโคตร หัวหน้าหน่วยรถพยาบาลสยาม เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.ของวันที่ 23 พ.ค. ว่า นายอาทิตย์ ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เนื่องจากติดเชื้อโควิด 19
โดยนายการันต์ รายงานผู้บังคับบัญชา ว่า จากการสอบสวนผู้ป่วยทราบว่า ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ได้ผลตรวจเป็นลบ จึงได้ออกปฏิบัติงานรับ-ส่งผู้ป่วยต่อ ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ค. และเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ได้เข้าร่วมอบรม หลักสูตรลำเลียงผู้ป่วยรุ่น 2 ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ก่อนเข้าอบรม ทำการตรวจ Rapid AG Test ด้วยวิธี Nasal swab ได้ผลเป็นลบ ต่อมาในวันที่ 20 พ.ค. เริ่มมีไข้ 21 พ.ค. มีไข้ อ่อนเพลีย ลิ้นไม่รับรส 22 พ.ค. ไปตรวจโควิด ที่ รพ.มงกุฏวัฒนะ 23 พ.ค. โรงพยาบาลโทรมาแจ้งผลว่าเป็นบวก และให้เข้ารับการรักษา
หลังจากที่มีการรายงานดังกล่าว นายอรรถพล ถาน้อย เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการบัญชาการสถานการณ์ ได้แจ้งให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ของสถาบัน ทราบว่า นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสกับผู้ป่วยรายดังกล่าวหยุดปฏิบัติงาน กักตัวที่บ้าน และให้เข้ารับการตรวจโรค เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดรวมถึงปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติของบุคลากรทางการแพทย์ ที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 ส่วนผู้ที่สัมผัสหรือติดต่อกับกลุ่มที่ 1 ให้ทำงานที่บ้าน หากจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่นอกที่ตั้งต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา รวมถึงปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสัมผัสผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 ฉบับวันที 21 พ.ค. 2564
นพ.ไพโรจน์ ยังได้มีคำสั่งให้ บุคลากรที่มีความจำเป็นหรือมีอาการที่ต้องเข้ารับการตรวจโรค ทาง สพฉ. จะมีหนังสือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ได้ประสานไว้ต่อไป และในกรณีของกลุ่มที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยและมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่นอกที่ตั้ง สพฉ. ให้แจ้งต่อหัวหน้างานเพื่อส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยโดยด่วน เพื่อประสาน วางแผนส่งทีมสำรองไปปฏิบัติหน้าที่แทนต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า บุคลากรทางการแพทย์ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่เป็นกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่รวมพนักงานปฏิบัติการของรถฉุกเฉินที่เป็นรถพยาบาลเอกชนและรถมูลนิธิ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้เสนอต่อกระทรวงสาธารณสุขที่จัดบุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่สมควรได้รับวัคซีน เนื่องจากมีการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง หรือแม้แต่บุคลากรของ สพฉ.เองก็เพิ่งได้รับวัคซีนเข็มแรกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงทำให้ก่อนหน้านี้มีอาสาสมัครมูลนิธิจำนวนมากถูกกักตัว เนื่องจากมีความเสี่ยงในการออกปฏิบัติการ นอกจากนี้ ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้ สพฉ. มีการเรียกระดมรถกู้ชีพฉุกเฉินให้มาช่วยรับส่งผู้ป่วย ทั้งที่ สพฉ.และอาคารนิมิบุตร