ตร.ตั้ง 7 ข้อหาหนักแก๊งสร้างแพะ รับผิดแทน “ครูจอมทรัพย์”

2017-11-24 11:00:51

ตร.ตั้ง 7 ข้อหาหนักแก๊งสร้างแพะ รับผิดแทน “ครูจอมทรัพย์”

Advertisement

รอง ผบ.ตร. ตั้งคณะทำงาน 7 ชุด เอาผิดขบวนการสร้างแพะคดี “ครูจอมทรัพย์” ลุยเอาผิด 7 ข้อหาหนัก 8 ผู้ต้องหาเป็นอั้งยี่ช่องโจร คาดแรงจูงใจมาจากหวังผลประโยชน์ เกี่ยวกับเงินชดเชยเยียวยากว่า 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังมีการประชุมหารือวางแนวทาง ร่วมกับ พล.ต.ต.ธนาชัย ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบช.ภ.4) พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.จว.นครพนม) และคณะทำงานดำเนินคดีเอาผิด ขบวนการรับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ สรุปว่าออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานของพนักงานสอบสวน 7 ชุด ระดมพนักงานสอบสวนจากพื้นที่ 3 จังหวัด คือ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร เพื่อพิจารณาดำเนินการเอาผิดกับบุคคลเกี่ยวข้อง ในขบวนการรับจ้างทำผิดแทน เนื่องจากมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมถึงพยาน ที่เกี่ยวข้อง ว่า มีขบวนการรับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์จริง

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทครูจอมทรัพย์ และยังมีหลักฐานเป็นบุคคลสำคัญในการตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดแทน 2.นายสับ วาปี อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นคนที่ออกมายืนยันว่า เป็นคนขับรถชนตัวจริง 3.นางจัน วาปี อายุ 59 ปี ภรรยานายสับ วาปี 4.นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี 5.นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี 6.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี พยานที่ยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ มีคนขับรถชนเป็นชาย 7.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นสามีของครูจอมทรัพย์ และ 8.นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี




สำหรับการดำเนินคดี ได้วางแนวทางไว้ ทั้งหมด 7 ข้อหาหลัก ประกอบด้วย แจ้งความเท็จ ในท้องที่เกิดเหตุ 3 แห่ง มี สภ.เรณูนคร สภ.นาโดน และ สภ.เมืองนครพนม รวมเป็น 3 ข้อหา ส่วนข้อหาที่ 4 และ 5 คือ เบิกความเท็จ ในชั้นไต่สวน 1 ข้อหา และชั้นพิจารณา อีก 1 ข้อหา ส่วนข้อหาที่ 6 คือ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ช่องโจร และข้อหาที่ 7 คือ ข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยทั้งหมด จะมีการมอบหมายให้ คณะทำงาน ทั้ง 7 ชุดดูแล พิจารณาตรวจสอบเอกสาร พยานหลักฐาน ทั้งการให้การในชั้นพนักงานสอบสวน รวมถึงการเบิกความต่อศาล หากพบว่า บุคคลใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเชื่อมโยงว่าร่วมขบวนการรับจ้างทำผิดแทนครูจอมทรัพย์ จะมีการพิจารณา แจ้งข้อหาแยกเป็นรายไป ในแนวทาง 7 ข้อหาที่วางไว้ ซึ่งใครจะเข้าข่ายความผิดมากน้อย ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แต่ในขั้นต้นข้อหาหลักที่จะต้องดำเนินคดี คือ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนในข้อหาอื่นๆ จะต้องรอการสอบสวน พิจารณาเพิ่มเติมข้อกล่าวหา จากพยานหลักฐาน หลังผู้ถูกกล่าวหา มารายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน

ส่วนที่มาของการจัดตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดแทน จากการสอบสวน พยาน และพฤติกรรม เชื่อมั่นว่า มาจากการหวังผลประโยชน์ เกี่ยวกับเงินชดเชยเยียวยา แก่ครูจอมทรัพย์ หลังพ้นโทษออกมา หากมีการร้องทุกข์รื้อฟื้นคดีสำเร็จ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นแพะ ในคดีขับรถชนคนตาย จะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย รวมถึงได้รับเงินชดเชยเยียวยา จำนวนมาก ทำให้เป็นที่มาของการหวังประโยชน์ เพราะจากการประมาณการ คาดว่าจะมีตัวเลขสูงกว่าหลัก 10 ล้านบาท โชคดีที่ไม่ประสบความสำเร็จ