นายกฯลั่นไม่มีวันท้อถอยท้อแท้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาใดๆ จะไม่หยุดคิดทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ปลอดภัย
แจกคนละ 2 พัน "เราชนะ-ม33เรารักกัน"
เช็กด่วน! ครม.เคาะมาตรการช่วยลด "ค่าน้ำ-ค่าไฟ"
ดาราหนุ่มฮ่องกง "ริคโก้ อึ้ง" เจอพิษคลิปช่วยตัวเองหลุดว่อน อาจโดนปลดจากซีรีส์ (มีคลิป)
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม. ว่า การแพร่ระบาดในคลัสเตอร์คลองเตยตนได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยได้สั่งทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังในการควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมใช้การจัดการแบบ จ.สมุทรสาคร ที่ทำสำเร็จมาแล้วมาปรับใช้ โดยใช้โมเดล ตรวจเชื้อติดต่อคัดกรองแยกตัวส่งต่อและรักษา โดยเน้นตรวจเชิงรุกระดมตรวจกลุ่มเสี่ยงอย่างน้อย 1,000 คนต่อวัน และตรวจเชิงรุกให้ได้ทั้งหมดอย่างน้อย 20,000 คน ก่อนจะนำไปสู่ขั้นตอนส่งรักษาตัวต่อไป เพื่อจำกัดวงแพร่ระบาดให้เล็กที่สุด พร้อมการระดมฉีดให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่ากระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้จัดพื้นที่ตรวจเชิงรุกให้ชาวคลองเตยได้อีก 700 คนต่อวัน
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้อีกประเด็นที่ให้มีการแก้ปัญหา คือ การสำรองเตียงให้กับผู้ป่วยอาการหนัก โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งแม้ขณะนี้จะมีเพียงพอ แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ต้องมีการขยายเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วยอาการหนักในกรณีฉุกเฉินและมีแผนการบริหารจัดการผู้ป่วยอาการหนักที่จะมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง โดยหลักการที่ตนเน้นย้ำเป็นหัวใจของการจัดการสถานการณ์คือต้องทำทุกอย่างเพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดหาและฉีดวัคซีนนั้น รัฐบาลได้กำหนดเป็นมาตรการเร่งด่วน โดยมีเป้าหมาย ภายในสิ้นปีนี้ประชากรของประเทศไทยต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 หรือคิดเป็น 50 ล้านคน โดยใช้วัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส ซึ่งย้ำว่าขนาดนี้มีวัคซีนตามแผนแล้ว 63 ล้านโดส โดย 61 ล้านโดส เป็นของบริษัทแอสตร้าเซเนกาที่จะส่งมอบในเดือน มิ.ย.นี้ ขณะที่เดือน พ.ค.นี้ เราจะได้รับวัคซีนซิโนแวค เพิ่มเติมจากแผนอีก 3.5 ล้านโดส นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข ยังเสนอแผนจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมของบริษัทไฟเซอร์ 5-20 ล้านโดส วัคซีนสปุตนิก จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และซิโนแวคอีกบริษัทละ 5-10 ล้านโดส รวมทั้งวัคซีนอื่นๆ อีกในอนาคต
"ยืนยันว่า เรามีการกระจายและแผนฉีดวัคซีนอย่างเป็นระบบผ่านระบบหมอพร้อมและ รพ.ทั้งของรัฐและเอกชนชน โดยเราตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อเอาชนะสงครามโควิดครั้งนี้ให้ได้ อีกทั้งเพื่อให้การจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดใน กทม. และปริมณฑล ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ จำเป็นต้องมีศูนย์เพื่อบูรณาการและสนับสนุนให้แก้ไขสถานการณ์ได้อย่างเร่งด่วน ตนจึงตั้งศูนย์แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลขึ้น เพื่อบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ปัญหาได้อย่างเร่งด่วนโดยตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์และมีหน่วยงานต่างๆ เป็นกรรมการ ซึ่งการดำเนินการของสูตรนี้จะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้เพื่อให้จัดการสถานการณ์โควิดในภาพรวมให้ดียิ่งขึ้น ได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อให้เกิดการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานฝ่ายปกครอง เพื่อทำให้การแก้สถานการณ์ในภาวะฉุกเฉินเป็นไปอย่างประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศบค. และคณะกรรมการต่างๆ ทุกภาคส่วน จะไม่มีวันท้อถอยหรือท้อแท้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาใดๆ และจะไม่หยุดในการคิดและทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ปลอดภัยและให้ประเทศไทยที่รักของเราทุกคน ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรงอย่างยั่งยืน" นายกฯ กล่าว