มั่นใจ !! คบ 3 เดือนพาไปหาแม่เลย "ดาด้า" ควง "เจสัน" เผยเส้นทางรักแท้ไม่แพ้ระยะสุดไกล แก่ตัวไปอาจย้ายไปเกาหลี
“ดีเจ ดาด้า” ควง “เจสัน” แฟนหนุ่มชาวเกาหลีมาเปิดใจเส้นทางความรักกว่า 2 ปี พร้อมเผยโมเมนต์การขอแต่งงานสุดเซอร์ไพรส์ และไขข้อข้องใจว่า แต่งงานแล้วจะออกจากวงการเลยหรือเปล่า ในรายการ “คุยแซ่บSHOW”
รู้จักกับเจสันได้อย่างไร ?
ดาด้า : เริ่มต้นเลยคือเขามาประชุมงานที่นี่ แล้วเพื่อนเรามาถามว่าเราพอจะมีคอนเน็กชั่นอะไรที่พอจะดิวกับบริษัทของเขาไหม พอรู้จักเราก็แนะนำให้เขา มันเป็นจุดเริ่มต้นเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อนมากกว่า พอเขามาเมืองไทยเราก็ถามไถ่ พาเขาไปเลี้ยงข้าวในฐานะที่รู้จักกัน หลังจากนั้นก็รู้มาว่าเขาเป็นคนเกาหลี เวลาเราไปเที่ยวที่เกาหลี เราก็จะถามเขาว่าอยู่หรือเปล่า ถามว่าเริ่มรู้ว่ามีใจให้เขาตอนไหน จริงๆ จุดเริ่มต้นเลย มันค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า มันจะมาจากความเป็นเพื่อนก่อนจะค่อยๆ พัฒนา มันไม่ใช่รักแรกพบ เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่าเขาสูงดี เพราะเราชอบผู้ชายตัวสูงเพราะเราตัวเตี้ย
กับดาด้าเป็นรักแรกพบเลยไหม ?
เจสัน : ไม่ใช่เลย ผมเคยมีความรักแบบมีระยะทางมาก่อน แล้วมันไม่เวิร์ก แต่พอมาเจอดาด้า แล้วมองเห็นความมุ่งมั่นขอดาด้าที่พอไปเกาหลีปุ๊บจะต้องโทรหาผม เวลาผมมาเมืองไทยเขาก็มาดูแล มันก็เหมือนการซื้อใจมาตลอด
ดาด้า : คือก่อนหน้านั้นด้วยความที่เป็นเพื่อน และเราไปเกาหลีบ่อย ไปช็อปปิ้งหรือไปเที่ยวกับเพื่อนเราก็จะโทรหาเขา หลังจากที่เจอกันบ่อยๆ เขาก็จะเริ่มทักกูดมอร์นิ่งบ้าง เราก็รู้สึกว่าเขาเริ่มสนิทกับเรามากขึ้น เราก็เริ่มรู้แล้วว่าเขาเริ่มจะจีบเราละ หลังจากนั้นเราก็เริ่มถามเองเลยว่า คบกันไหม ตอนนี้เราเป็นแฟนกันหรือยัง
เจสัน : คือตอนแรกผมยังไม่ได้ขอเขาเป็นคนขอผมเป็นแฟนก่อนว่าเป็นแฟนกันไหม ผมก็บอกเขาไปว่าขอเป็นแฟนทางอินเทอร์เน็ตไปก่อน เพราะมันมีระยะห่าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเวิร์กหรือเปล่า
อะไรที่ทำให้ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ?
ดาด้า: คือตอนแรกดาด้าไม่ได้คาดหวังเลยนะ ด้วยความว่าเรางานยุ่งเราก็เลยต้องการใครสักคนมาคุยเล่นๆ ก่อน เราก็เลยถามเขาไปเล่นๆ ว่า จะเป็นแฟนหรือเปล่า เขาก็เล่นๆ กับเราว่าเป็นแฟนทางอินเทอร์เน็ตก่อนละกัน หลังจากที่เริ่มตกลงเป็นแฟนกัน เขาเป็นคนพูดก่อนเลยว่ารักทางไกลมันไม่เวิร์ก ด้าก็บอกว่าไม่เป็นไรเราก็พยายามไปเกาหลีเดือนละครั้ง และก็อยากให้เขามาเมืองไทย เดือนละครั้ง แล้วเราก็ทำตามแบบนั้นมาตลอด
ก่อนมีโควิดคู่นี้ต้องเดินทางไปกลับ ไทย เกาหลี อย่างน้อย 30 ครั้ง
ดาด้า: เมื่อก่อนพอถึงเย็นวันศุกร์ บ่าย 3 ด้าจะไปสนามบิน บินไปเกาหลีเพราะเราว่างแค่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แล้วด้าจะกลับคือวันอาทิตย์แล้วกลับถึงเมืองไทยตอนตี 4 คือเรารักทางไกลเราก็ต้องทำแบบนั้น คือด้าไปเกาหลีเป็นปกติมาก หลังๆ ไม่ชวนเพื่อนไปละไปคนเดียวเลย ตารางคือเราจะเจอกันเดือนละครั้ง แล้วด้าจะจองล่วงหน้าคือวันศุกร์จะไปถึงสนามบินตอนบ่าย 3 ไปถึงที่เกาหลีตอน 5 ทุ่ม เขาก็จะมารับที่สนามบิน ส่วนวันกลับก็จะเลือกไฟล์สุดท้ายวันอาทิตย์ตอนเที่ยงคืน ก็จะมาถึงตี 4 ของบ้านเรา อย่างเขามาเมืองไทย เที่ยงคืนหลังจากที่จัดรายการแฉเสร็จแล้ว ด้าก็จะขับรถไปสนามบินไปรับเขา ก็เป็นแบบนี้ตลอด
เคยทราบข่าวของดาด้ามาก่อนคบกันไหม ?
เจสัน : คือเจอกันตอนแรกดาด้าเป็นคนบอกเขาก่อนเลยเคยแต่งงานและหย่ามาแล้วนะ มีลูกด้วยโอเคไหม ซึ่งผมก็บอกเขาว่าโอเค
ดาด้า: คือเราจะคบกันเขาก็ต้องรู้ว่าเราเคยแต่งงานมาแล้วนะ มีลูกแล้วนะเขาโอเคไหม ที่บอกเลยเพราะเรารู้สึกว่ามันเสียเวลา เราโตๆ กันแล้วมานั่งแอ๊บกันมันเสียเวลา คือเรามีข้อกำหนดแบบนี้เขาโอเคหรือเปล่า ถ้าเขาไม่โอเคจะได้ไม่ต้องคบกัน
10 เดือนที่ผ่านมาติดโควิดไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ รู้สึกอย่างไรบ้าง ?
เจสัน : ก็มีวิดีโอคอลกัน และ แมสเสจหากันทุกวัน ถามว่าอยู่ได้ไหมอยู่แต่ก็คิดถึงเขามาก
คบกัน 3 เดือน ดาด้าพาไปหาแม่ ...
ดาด้า: (หัวเราะ) เป็นคนไวตลอด คือด้ากับแม่สนิทกันตลอด เวลามีใครมาจีบ เราคบกับใครแม่จะรู้เรื่องราวของเราตลอด เราไม่เคยมีความลับกับแม่ เราก็เลยมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่กับการที่จะพาเขาไปกินข้าวกับแม่ ซึ่งปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันที่เราจะต้องไปกินข้าวกับแม่ เราก็เลยพาแม่และเจสันไปกินข้าวด้วยกันเลยเพราะเราไม่อยากเลือกว่าต้องไปกินข้าวกับใคร ตอนที่เขาจะไปเจอแม่เรา เขาก็ตื่นเต้นมาก เขาก็ตกใจ แต่เราก็ปลอบเขาไปว่าแม่เลี้ยงเราเหมือนเพื่อน ก็ถือว่าไปเจอเพื่อนแล้วกัน คือก่อนไปนอกจากบอกเจสันแล้ว เราก็บอกแม่ด้วยว่าจะพอเจสันไปหา แม่เราก็แฮปปี้ เขาก็บอกว่าโอเคนะ
เจสัน : ไปเจอกันครั้งแรก คุณแม่ของดาด้าน่ารักมาก หลัง จากปลดล็อก ผมก็ทิ้งงานที่โน่นทั้งหมด แล้วก็ไปขอวีซ่าเพื่อบินมาเมืองไทย เพราะรู้สึกว่าขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
เรารู้สึกอย่างไรที่เขาทำขนาดนี้ ?
ดาด้า : คือวันนั้นคุยกันแล้วเขาก็บอกเราว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าอยู่ไม่ได้ถ้าต้องแยกกันอยู่แบบนี้ คือก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกันว่าเราจะย้ายไปเกาหลีไหม แต่เราคิดว่ามันยุ่งยากเพราะเรามีงานตรงนี้ เราก็เลยถามเขาไปว่า ยูย้ายมานี่ดีกว่า สะดวกกว่า เขาก็บอกว่าถ้าย้ายมาเขาต้องทิ้งธุรกิจที่นั่น ซึ่งเราก็บอกว่าไม่เป็นไร มาเริ่มต้นที่นี่ มาทำธุรกิจร่วมกันได้ พอเขาตัดสินใจจะมาเมืองไทย เราก็หาข้อมูลกันว่าตอนมาเมืองไทยตอน ที่ประเทศไทยปิดต้องทำอย่างไร
อยู่เมืองไทยด้วยกันแค่ 1 เดือน เจสัน ก็ตัดสินใจขอดาด้าแต่งงาน บรรยากาศการขอแต่งงานวันนั้นเป็นอย่างไร ?
เจสัน : วันนั้นเป็นวันที่อากาศดีและไม่มียุง คือตอนแรกผมจะขอดาด้าแต่งงานในวันเกิดแต่สถานที่ไม่เอื้ออำนวย แล้ววันนั้นเป็นวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันที่พิเศษเราก็ดินเนอร์กันที่เลอบัว ที่เกสรทาวเวอร์ ผมบอกกับดาด้าว่าขอไปเข้าห้องน้ำแต่จริงๆ แล้วผมวิ่งขึ้นไปเอาแหวนที่ห้อง ซึ่งแหวนผมบอกให้เพื่อนส่งมาจากเมริกา แล้วเอากล้องให้พนักงานที่นั่นถ่ายคลิปไว้
ดาด้า : ตอนนั้นเราก็ตกใจ เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขามาเมืองไทยพร้อมแหวนที่เตรียมไว้ขอเราแต่งงาน คือเขาเพิ่งมาบอกว่าเขาพกใส่กระเป๋าสะพายของเขาไว้ตลอด จนวันที่เขาคุกเข่า แต่พอเราเจอเซอร์ไพร์สแบบนั้น เราร้องไห้หนักจนเขาตกใจ เขาก็เลยร้องไห้ตาม จนพนักงานถามว่าตกลงเซย์เยสไหม เราก็บอกว่าเซย์เยส
คุณพกแหวนในกระเป๋านานแค่ไหน ?
เจสัน : แหวนได้มา 3 เดือนก่อนจะมาเมืองไทยแล้ว คือถ้าไม่คิดแต่งงานผมคงไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่หรอก
เจอกันแค่ 2 ปี คิดว่าเร็วไปไหมสำหรับการขอแต่งงาน ?
ดาด้า : สำหรับด้านะ ด้าว่าไม่เร็ว เพราะด้าเป็นคนตรงๆ เพราะในช่วงปีแรกๆ เราพยายามเป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด คือถ้าเขารับเราได้ก็ถือว่าโอเค แล้วเขาก็น่ารักมาก เขาเป็นคนใส่ใจ ความเป็นอยู่ว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง
โมเมนต์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว คิดไหมว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราอีก ?
ดาด้า : ไม่เคย จริงๆ แล้วตอนที่ด้าตัดสินใจเลิกกับอดีตสามี เราไม่เคยโฟกัสเรื่องความรักเพราะเราทุ่มความรักไปที่งานและลูกแล้ว แต่เคยคิดว่า ถ้ามีความรักเข้ามาก็จะพยายามเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ถ้าเขาเข้าใจและแฮปปี้ เราก็ แฮปปี้แล้ว
มีแฟนใหม่ ลูกว่าอย่างไรบ้าง ?
ดาด้า : น้องดีน เข้ากับเจสันได้ดีมาก แต่ตอนที่คบกันปีแรกๆ น้องดีนยังไม่เจอ แต่พอ 1 ปีถัดไป น้องดีนก็จะเริ่มได้เจอ เริ่มให้ดีนมารู้จัก แรกๆ ที่ถามว่าใครคือแฟนแม่น้องดีนจะบอกว่าอาอ๋องคือแฟนแม่ แต่หลังๆ พอได้พูดคุยได้รู้จักเจสัน เขาก็จะบอกว่าเจสันไง ตอนที่แนะนำตอนแรกคือนี่คือเพื่อนแม่ แต่ตอนนี้น้องดีนเขาติดเจสันมากกว่าด้าเพราะเขาเจอกันแทบทุกวัน เขาสามารถพาน้องดีนเข้านอนได้ สอนน้องดีนว่ายน้ำ น้องดีนว่ายน้ำได้ทุกวันนี้เพราะเจสัน
เจสันชนะใจน้องดีนได้อย่างไร ?
เจสัน: ผมเป็นคนที่รักเด็ก และอยู่กับเด็กได้ และสมัยกลับจากอเมริกาไปอยู่เกาหลีใหม่ๆ ผมเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กๆ ที่สำคัญคือน้องดีนน่ารัก
จะแต่งจริงกันเมื่อไหร่ ?
ดาด้า: ที่คิดกันไว้คือต้องแต่งที่เกาหลีด้วย และแต่งที่เมืองไทยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ คือหลังจากที่เขาขอแต่งงานเราต้องกลับไปหาพ่อของเจสันก่อน แต่เรายังไม่ได้ไปเจอพ่อเขาเลยเพราะโควิด ก็รอว่า เมื่อไหร่จะบินไปได้ คืองานที่เกาหลีก็จะจัดเป็นงานเล็กๆ ที่ไทยก็จะจัดงานเล็กๆ และเชิญเฉพาะเพื่อนจริงๆ
เจสัน: สำหรับผมอย่างไรก็ได้ แค่ขอให้มีดาด้าตรงนั้น
ถ้าแต่งแล้ว จะทิ้งงานในวงการบันเทิงไหม ?
ดาด้า: ถ้าเป็นภายใน 7 ปีนี้ยังไม่ได้ เพราะการย้ายประเทศเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ คือตอนนี้เรายังแฮปปี้กับตรงนี้ แต่เคยคุยกันไว้ว่าถ้าแก่ๆ กันแล้วก็อาจจะย้ายไปอยู่ที่เกาหลี
ได้ยินว่าเจสันทำอาหารให้ดาด้าทานด้วยหรือ ?
ดาด้า : ใช่ คือตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่เมืองไทย แล้วเราเวลาดูซีรีส์เกาหลีก็จะบ้าอาหารเกาหลี เราก็จะบอกเขาว่าอยากทานเมนูนี้ ถ้าเมนูไหนเขาทำได้ วันรุ่งขึ้นเขาก็จะไปซื้อวัตถุดิบแล้วทำให้เราทาน ตอนเช้าเขาก็จะทำอาหารใส่กล่องให้เรา เป็นอาหารเกาหลี
อายุห่างกัน 7 ปีมีปัญหาเรื่องอายุไหม ?
ดาด้า : ไม่มี คือเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่มาก ในขณะที่เราจะเป็นคนติงต๊อง มีความเป็นเด็กสูง ด้าก็เลยคิดเองว่ามันมีความบาลาซกัน ก็โอเคไม่มีปัญหา
หลังแต่งจะมีน้องไหม ?
ดาด้า : ก็คุยกัน เพราะเจสันเขาอยากได้ลูกสาว แต่ด้าบอกเขาว่าการท้องมันเหนื่อยมาก ก็รอดูก่อนเพราะตอนนี้เราก็อายุเยอะแล้ว
เจสัน : แน่นอน เพราะผมอยากมีลูกสาว แต่ค่อยคิดอีกทีว่าเป็นอย่างไร
คลิปสัมภาษณ์ ดาด้า-เจสัน