"ศุภชัย" แจงโพสต์เฟซบุ๊กไม่ได้มีเจตนาโยนความผิดใคร ซัดบางสื่อบิดเบือน ตอกองครักษ์พิทักษ์นายกฯรีบออกมาตอบโต้เอาใจนายละเมิดสิทธิ
สุดเศร้าชาย 45 ปีรอตรวจรักษาโควิดดับคาคอนโด
"มนต์สิทธิ์"มาแล้วโชว์ลอตเตอรี่งวด 2 พ.ค.
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphachai Jaismut โดยนำส่วนหนึ่งของบทความในเว็บไซต์ของ "มติชน" ระบุว่า “การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินและการตั้ง ศบค. ซึ่งการใช้อํานาจพิเศษเป็นสิ่งที่นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ถนัดที่สุดจึงไม่แปลกที่มีการเลือกใช้อํานาจพิเศษในการจัดการกับ “โรคระบาด” ซึ่งโครงสร้างของ ศบค. ได้ตัดการมีส่วนร่วมของภาคการเมืองออกรวมถึงได้ ตัดคณะรัฐมนตรีออกจากการทํางานใน ศบค. โดยหน่วยงานที่นั่งหัวโต๊ะกําหนดทิศทาง ของ ศบค. กลับเป็นหน่วยงานความมั่นคงนําโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติแทนที่จะเป็น สาธารณสุข เราจึงเห็นการมองโรคระบาดเป็นภัยความมั่นคง เป็นอริราชศัตรู ต่างจากการแก้ปัญหา โรคระบาดในรอบที่ผ่านๆ มาไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ประสบความ สําเร็จ”
ทั้งนี้ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปส่งผลให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนได้ออกมาตอบโต้นายศุภชัย ทำให้นายศุภชัย ต้องโพสต์ชี้แจงในเฟซบุ๊ก Suphachai Jaismut ระบุว่า ฐานะที่ผมเป็นสมาชิกรัฐสภา และผู้แทนของพี่น้องประชาชนคนไทย ผมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้น้อยกว่าพี่น้องประชาชนท่านใด หรือน้อยกว่าองค์กรหรือหน่วยงานใดของรัฐ ผมเองนั้นก็ต้องกักตัวไปแล้วถึง 4 ครั้ง และถึงแม้จะมีผลการตรวจออกมาเป็นลบ แต่ความห่วงใยต่อการบริหารจัดการปัญหาในช่วงเวลานี้ ทั้งในนโยบายระดับภาครัฐและในระดับหน่วยงานต่าง ๆ ย่อมเป็นปัญหาสำคัญที่ควรจะต้องพิจารณาทบทวนแนวทางและมาตรการอย่างจริงจัง
การที่ผมได้นำบทความของหนังสือพิมพ์มติชนมาโพสต์ใน Facebook ของผมก่อนหน้านี้เพราะผมเห็นว่าน่าสนใจจึงได้นำมาลง ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหาหรือโยนความผิดกับบุคคลใด แต่เป็นความปรารถนาที่อยากจะเห็นการปรับปรุงแก้ไข การประเมินและการจัดการปัญหาทั้งระบบที่ตอบโจทย์ในสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้นเพื่อให้วิกฤตในปัจจุบันคลี่คลายไปโดยเร็ว ซึ่งผมยอมรับว่า ทั้งรัฐบาล ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขยังมีจุดที่จะต้องหาทางร่วมมือและแก้ไขข้อบกพร่องในการแก้ปัญวิกฤตนี้ร่วมกัน ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งซึ่งมองเห็นถึงข้อจำกัดในการบริหารจัดการเหล่านี้ จึงได้นำความเห็นในบทความนั่นแสดงออกมาโดยสุจริตใจ และหาได้มีเจตนาที่จะโยนความรับผิดชอบไปยังผู้หนึ่งผู้ใด เพราะผมคิดว่า มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกหน่วยงาน รวมถึงของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันฝ่าวิกฤตอันใหญ่หลวงครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งผมหวังว่าความเห็นนั้นจะสามารถเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีสื่อบางสื่อนำโพสต์ของผมไปออกข่าวในทำนองว่าผมได้โพสต์ข้อความตำหนิการทำงานของนายกรัฐมนตรี ฯลฯ พร้อมกับมีบรรณาธิการออกโทรทัศน์มาตอบโต้ ทั้งที่ในโพสต์ทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรคือบทความของหนังสือพิมพ์มติชน แค่นั้นไม่พอมี ส.ส.คนหนึ่ง และผู้ช่วยรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงต่อผมและพาดพิงถึงหัวหน้าพรรคผม ซึ่งการกระทำนั้นถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมในการที่จะโพสต์บทความใดๆในเฟซบุ๊กส่วนตัวผม และละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อมวลชนคือมติชน อย่างไรก็ตามผมไม่ถือสาหาความกับสื่อมวลชนบางสื่อที่รีบออกมาบิดเบือนความจริงในทันที หรือ ส.ส. และ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เป็นฟืนเป็นไฟออกมาตอบโต้เอาใจนายหรอกครับ เพราะรู้จักนิสัยคนพวกนั้นดี
ขอบคุณเฟซบุ๊ก Suphachai Jaismut