ผบช.ภ.1 สั่งเพิกถอนค่าปรับ 500 ไม่สวมแมสก์ ชงศาลพิจารณาเชื่อปรับขั้นต่ำ 6 พัน

2021-04-26 20:56:13

ผบช.ภ.1 สั่งเพิกถอนค่าปรับ 500 ไม่สวมแมสก์ ชงศาลพิจารณาเชื่อปรับขั้นต่ำ 6 พัน

Advertisement

ผบช.ภ.1 สั่งเพิกถอนค่าปรับ 500 บาทไม่สวมหน้ากากอนามัยที่อยุธยาแล้ว ส่งศาลพิจารณาแล้ว เชื่อต้องปรับขั้นต่ำ 6,000 บาท

“ราชทัณฑ์"เผยผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดโควิด 144 ราย จนท.2 ราย

"มนต์สิทธิ์"มาแล้วโชว์ลอตเตอรี่งวด 2 พ.ค.

"ไอซ์" อัพเดตอาการ"น้าค่อม"อาการยังทรงตัว

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ( ผบช.ภ.1  ) แถลงกรณีปรากฏภาพเอกสารค่าปรับเป็นเงิน 500 บาทของพนักงานสอบสวน สภ.บางปะหัน  จ.พระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 25 เม.ย. ในความผิดฐานไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ขณะอยู่นอกเคหสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่น หรือเดินทางไปสถานที่สาธารณะว่า กรณีจับปรับผู้ไม่สวมหน้ากากในพื้นที่ สภ.บางปะหัน ได้รับรายงานว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการอำเภอบางปะหัน มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านไปตรวจสอบหลังพบว่า พ่อค้าแม่ค้าขายกะทิ​ในตลาดสดแห่งหนึ่งไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยซึ่งขัดกับคำสั่งของ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา จึงนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวนให้เปรียบเทียบปรับ  ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน เข้าใจไปว่า มีอำนาจตามกฎหมายควบคุมโรคให้สามารถเปรียบเทียบปรับได้เอง จึงสั่งปรับเป็นเงิน 500 บาท แต่กรณีนี้พนักงานสอบสวน ต้องปรับในอัตราขั้นต่ำเป็นเงิน 6,000 บาท เพราะตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อและตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด อัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท พนักงานสอบสวนไม่สามารถปรับเป็นเงิน 500 บาทได้ ดังนั้น ในกรณีนี้ ผู้ถูกกล่าวหาขอให้พนักงานสอบสวน ทำสำนวนส่งฟ้องศาลแขวง เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจ​ในการสั่งปรับแทน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา เชื่อว่าน่าจะปรับได้ต่ำกว่าเงิน 6,000 บาท ดังนั้น กรณีนี้จึงใช้อำนาจของ ผบช.ภ.1  สั่งเพิกถอนการเสียค่าปรับ 500 บาทไปแล้ว โดยให้ส่งศาลพิจารณา พร้อมตำหนิพนักงานสอบสวนที่ทำไปโดยพละการ ซึ่งจากนี้จะกำชับไปยังตำรวจภูธร 9 จังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้ปฏิบัติเป็นไปตามแนวทางเดียวกันแล้ว ยืนยันว่าตำรวจมีการใช้ดุลยพินิจ ไม่ใช่จ้องที่จะเข้าไปจับปรับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างเดียว แต่ดูที่เจตนา หรือกรณีมีการกระทำความผิด หรือได้รับการร้องเรียน ว่ามีการฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยบ่อยครั้งในพื้นที่สาธารณะ ตำรวจจึงจะเข้าไปบังคับใช้กฎหมาย