เคยเป็นปลาไหลแสนเจ้าชู้ "โจ๊กเกอร์" เผยอดีตแสบๆ ลั่นไม่ให้ลูกแฝดเข้าวงการ

2021-04-22 12:40:36

เคยเป็นปลาไหลแสนเจ้าชู้ "โจ๊กเกอร์" เผยอดีตแสบๆ ลั่นไม่ให้ลูกแฝดเข้าวงการ

Advertisement

เสือสิงห์กระทิงเจ้าชู้ !! "โจ๊กเกอร์ ณศิวัชร์" ควงภรรยา เปิดเส้นทางความรัก 10 ปี  ลั่น! ไม่ให้ลูกแฝดเข้าวงการ !!



นักแสดงรุ่นใหญ่ "โจ๊กเกอร์ ณศิวัชร์" ที่วันนี้ควงภรรยารุ่นน้อง "โบว์ วรัญญา" ที่อายุห่างกันถึง 8 ปี มาเปิดเผยความรักที่ยาวนานกว่า 10 ปี พร้อมเล่าเคยสร้างวีรกรรมแสบ เจ้าชู้ต้องคลานเข่าไปสารภาพ อีกทั้งยังประกาศลั่น ไม่ให้ลูกแฝดเข้าวงการ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow




ก่อนเจอภรรยาสมัยก่อนเจ้าชู้ขนาดไหน ?
โจ๊กเกอร์ : คาแรกเตอร์ บุคลิกดูเป็นคนเจ้าชู้ ผมเป็นคนชอบคุย สนุกสนาน จะเข้าถึงทุกคนได้ง่าย



เขาบอกว่าช่วงโสดคุยที คุยหลายคน ?
โจ๊กเกอร์ : จริงๆ ไม่ได้เยอะนะ น่าจะ 2-3 คนไม่เกินนั้นหรอก แต่ถ้าคุยกับใครแล้วเราจริงจัง เราซีเรียส เราตัดทุกคนออกหมด

วันที่เจอพี่โบว์ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง ?
โจ๊กเกอร์ : ก็คือผมไปเที่ยว ใช้คำว่าผมเป็นตำนานรักของที่นั้นได้เลยนะ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยลงเอยกัน คือผมจะสนิทกับน้องๆ ที่เป็นเจ้าของ ผมไปทำงานที่เชียงใหม่ ทำเสร็จก็ไปเที่ยว แล้วก็ได้ไปเจอโบว์ ครั้งแรกที่เจอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สวยนะ เท่ดี แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ผู้หญิง





คุณคิดว่าเขาเป็นประเภทสอง ?
โจ๊กเกอร์ : ใช่ ถูกต้อง เพราะว่าเพื่อนรอบตัวโบว์เป็นเพื่อนสาวหมดเลย เราก็เลยคิดว่าอาจจะไม่ใช่ผู้หญิง

ทำไมถึงไปกับเพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองทั้งโต๊ะ ?
โบว์ : ส่วนใหญ่เพื่อนโบว์จะเป็นประเภทสองเยอะ วันนั้นในโต๊ะก็มีผู้หญิง 2-3 คน แต่ส่วนใหญ่สาวสองจะมีประมาณ 10



ตอนนั้นรู้ไหมว่ามีผู้ชายคนนี้แอบเหล่อยู่ ?
โบว์ : รู้ค่ะ เขาเข้ามาเลย

โจ๊กเกอร์ : ถ้าไม่บุกจะรู้เหรอว่าใช่ไม่ใช่ ไปให้รู้

คุยกันนานไหมกว่าจะตัดสินใจเป็นแฟน ?
โบว์ : เกิน 2 ปี





คนนี้คือรักแรกพบเลยไหม ?
โจ๊กเกอร์ : เคยจีบผู้หญิงไม่เคยนานขนาดนี้มาก่อน ก็เลยรู้สึกว่าอะไรเนี่ย จะบอกว่ารักแรกพบก็ได้นะ มันเป็นความท้าทาย ทำไมมันยากเย็นขนาดนี้ แล้วเขาก็อยู่เชียงใหม่ เราอยู่กรุงเทพฯ ด้วย มันห่างกัน แล้วมีช่วงที่มันเจ็บใจมากนะ คือระหว่างนั้นเราไปทำงานอีเว้นท์ที่เขียงใหม่ มีไปแล้วไม่ได้เจอเขาด้วย ซึ่งหลังจากที่เรารู้จักกันแล้ว คือเขาไม่ได้สนใจเรา

แต่สุดท้ายยอมใจอ่อน เพราะอะไร จริงหรือเปล่าที่โจ๊กเกอร์บอกว่าจะขับรถไปหาที่เชียงใหม่ ?
โบว์ : อ่อ ใช่

โจ๊กเกอร์ : เขาท้าผม พอดีโบว์เขามีธุระที่ต้องมาทำงานที่พัทยา แล้วเขาต้องนั่งเครื่อง ผมบอกว่าไปรับไหม อันนั้นพูดเล่นๆ โบว์เขาบอกว่าเอาดิ มาไหมล่ะ ถ้ามาจะอยู่รอ ก็จะไม่ไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ซึ่งมันพูดไปแล้ว แล้วมันก็เป็นโอกาสเหมือนช่องมันเปิดแล้ว แล้วตอนที่คุยค่ำแล้วนะ เขาก็คงไม่เชื่อว่าผมจะมา สรุป 7 โมงเช้าผมอยู่เชียงใหม่เรียบร้อย



ตอนนั้นเราใจอ่อนไหม ?
โบว์ : ก็รู้สึกว่าทำจริง ก็ใช้ได้ แต่จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว เพราะว่าเราก็คุยกันมาค่อนข้างนาน

ตัดสินใจเป็นแฟนกัน คุณโจ๊กเกอร์ตัดสินใจย้ายไปอยู่เชียงใหม่เลยเหรอ ?
โจ๊กเกอร์ : ใช่ ตอนนั้นด้วยความที่รักโบว์มาก โดยส่วนตัวพี่ชอบจังหวัดเชียงใหม่อยู่แล้ว ชอบทางเหนือ ก็เลยคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ว่าจะขอไปอยู่ทางนู้น

เห็นว่าก่อนจะตัดสินใจไปอยู่เชียงใหม่หมดค่าเครื่องไปเป็นแสน ?
โจ๊กเกอร์ : ตอนนั้นที่ไป ด้วยความที่พอไปอยู่เสร็จปุ๊บ เราก็ไปหาอะไรทำทางนู้น ชวนโบว์เปิดร้านเล็กๆ ของเรา เพื่อจะได้อยู่กับเขา ให้เขามีอะไรทำ ช่วงนั้นเขาก็เรียนหนังสือด้วยแต่ปัญหาคือ มีทำงานที่กรุงเทพฯ เหมือนมีกองถ่ายละคร ถ่าย พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ อยู่เชียงใหม่เสร็จวันพุธบินกลับมา พอถ่ายละครเสร็จวันอาทิตย์ก็บินกลับเชียงใหม่ บินไป บินกลับ อยู่แบบนั้นเกือบ 3 ปี ซึ่งทำงานเสร็จ สุดท้ายหมดค่าเครื่องบินหมดเลย

แต่มันก็คุ้มกับความรัก ?
โจ๊กเกอร์ : มันเป็นการพิสูจน์ว่าผมยอมทิ้งที่บ้าน ซึ่งเป็นคนติดที่บ้านมากเลย ไปอยู่ที่เชียงใหม่ เพื่อนฝูงจะเจอโจ๊กก็ต้องบินไปเชียงใหม่



โบว์เห็นความพยายามเขาไหม ?
โบว์ : ตอนนั้นเขาเลยกลายเป็นคนเชียงใหม่เลย ไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก

คบกันนานเท่าไหร่ถึงตัดสินใจแต่งงาน ?
โจ๊กเกอร์ : 8 ปี

มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหวิดวิวาห์ล่ม ?
โบว์ : ช่วงที่วางแผนจะแต่งงานเขาก็ไปคุยกับที่บ้าน เหมือนเราจะข้ามไปอีกสเต็ปนึง ด้วยความที่เราเพื่อนเนอะ แล้วเขาก็เพื่อนเยอะ เวลาเขาไปไหนมาไหน เพื่อนเราชอบโทรมาบอกเจอพี่โจ๊กที่นี่นะ โบว์อยู่ไหน เราก็บอกว่าอยู่บ้าน คราวนี้เขาไปแล้วเขาไม่บอก นอกจากเพื่อนโทรมา บางทีก็จะเป็นข้อความแปลกๆ มา บางทีส่งรูปพี่โจ๊กมาให้แบบลั้นลาอยู่ ตี2 ตี3 ตี4 แบบนี้ เรารู้สึกว่านี่เราจะแต่งงานมันไม่ควรมีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว แล้วพอมันมีเรื่องนี้ขึ้นมา เราเลยรู้สึกว่าจะเอาดีป่ะว่ะ แล้วพี่โจ๊กจะเป็นแบบว่าถ้าเราคุยไม่มีหลักฐานเขาจะไม่ยอมรับ แต่ครั้งสุดท้ายมีคนส่งรูปมา เรามีหลักฐานละ เราก็เลยคุยกับเขาว่าจะเอายังไง มันบ่อยละนะ

โจ๊กเกอร์ : คือแบบ...เป็นความซวยไหม เราไปที่ไหนเจอตลอด บางทีหนีเที่ยวไม่อยากให้เขาเป็นห่วง ไม่อยากให้เขารู้

แล้วเรื่องมือที่สาม ที่บอกว่าโทรคุยกันสามคน ?
โจ๊กเกอร์ : มันเป็นความบังเอิญ ความเข้าใจผิด

โบว์ : คนนี้แหละที่ส่งรูปมาให้ ตอนนั้นเขาส่งมาประมาณตี4 เราก็รอถึงเช้า ไม่กล้าบอกเขา เพราะเราก็ยังตั้งสติอยู่ ก็ปริ้นต์รูปออกมา แล้วชวนพี่โจ๊กมาหา แล้วถามว่าเมื่อคืนไปไหน ถามรีเช็กว่าจริงหรือไม่จริง เขาก็บอกไม่ได้ไปไหน อยู่บ้าน เราก็เลยบอกว่างั้นพี่โจ๊กดูนี่นะ แล้วก็บอกว่าเอาเบอร์พี่โจ๊กโทรหาเบอร์นี้ให้หน่อย ก็ให้พี่โจ๊กพูดตามที่เราพูด แต่เขาไม่พูด เขาบอกว่าตอนนี้อยู่กับโบว์นะ เราก็เลยให้เขาคุยกันว่าจะเอายังไง ตอนนี้เรารู้สึกว่าไม่น่าจะไปต่อแล้ว เพราะมันรับไม่ได้ คือเดิมเราไม่เคยถามเขาว่าเขาไปไหน อยู่กับใคร เราไม่ได้รีเช็กเขา แต่คนอื่นเอาข้อมูลมาให้ตลอด จนเราเบื่อที่จะมานั่งรับข้อมูลแบบนี้แล้ว



มันมีประโยคว่ารู้นะว่าจะแต่งงาน แต่อยากได้ ?
โบว์ : เขาพูด ก็เปิดสปีกเกอร์โฟนคุยกัน

พอเขาพูดแบบนี้โบว์กับโจ๊กว่าไง ?
โจ๊กเกอร์ : ผมไม่พูด ผมให้เขาพูด

โบว์ : มันจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่โบว์ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนไปเคลียร์กันเอง

โจ๊กเกอร์ : ก็เคลียร์ ผมบอกว่าเดี๋ยวจัดการเองไม่ต้องมายุ่งกันแล้ว จะได้เคลียร์ๆ กัน

สุดท้ายก็แต่งงานกัน แต่ทำไมแต่งงานแล้วคุณยังแอบหนีเที่ยวอยู่เลย ?
โจ๊กเกอร์ : คนมันชอบอะ แต่ชอบที่นี่ผมไม่ได้ชอบเที่ยวกลางคืนเบอร์นั้น แต่เป็นคนชอบฟังเพลง

เห็นว่ามีการคลานเข่าไปขอโทษภรรยา ?
โจ๊กเกอร์ : ถ้าคลานเข่าอันนั้นเล่นขำๆ ไม่โกรธจริง แต่ถ้าโกรธจริงไม่มีคลายเข่า เดินไปแบบเสงี่ยม คือผมต้องบอกก่อนว่าบางทีผมไม่อยากให้โบว์ไม่สบายใจ พอแอบไปเที่ยว ไปนั่งฟังเพลง สุดท้ายโทรศัพท์มันชอบลั่น พอหลับแล้ว ตี1 ตี2 โทรศัพท์ดัง โทรศัพท์มันโทรเอง แล้วโบว์ก็รับ เราก็ไม่ได้พูด มันเป็นหลายครั้ง หลังๆ ไม่เอาแล้วโทรศัพท์ โยนไปเลย



สิ่งหนึ่งที่โบว์ไม่ชอบมาก คือคุณไม่ค่อยรับโทรศัพท์ ?
โจ๊กเกอร์ : อย่าว่าแต่เที่ยวเลย คือทำงาน สมัยก่อนมันถูกปลูกฝังมาถ่ายละครเราไม่สามารถพกโทรศัพท์ได้ แล้วการทำงานบางทีพี่ไปดำน้ำ พี่ขึ้นเขา เป็นที่ที่ไม่มีสัญญาณ แต่โทรบอกหรือไลน์บอกว่าอยู่ที่ไหน แล้วก็หายไปเลย เพราะเป็นคนชอบไม่สนใจโทรศัพท์ เป็นคนไม่ค่อยรับโทรศัพท์

โบว์ : จริง บางทีมันหงุดหงิดนะ มันไม่ใช่แค่เรานะ หลังๆ เพื่อนเขาเริ่มโทรหาเราแล้วว่าโจ๊กอยู่ไหน

แล้วที่หายไป 3 วัน ไปไหน ?
โจ๊กเกอร์ : บางทีมันไม่มีสัญญาณเลย เอาจริงๆ นิดนึงก็ขี้เกียจโทรกลับ มันกำลังฟิวแบบ ความจริงเป็นคนมีความส่วนตัวสูงเหมือนกันนะ อยู่ในโลกของตัวเอง เจอภูเขา อยากเสพความสุขแบบนี้ ก็เลยบอกว่ามีอะไรติดต่อผ่านทีมงานแล้วกันโทรศัพท์ก็ฝากทีมงานไว้หมดเลย บางทีโยนทิ้งไว้บนเรือด้วยซ้ำไป แล้วเราก็ไปนอนอยู่บนภูเขา อยู่แคมป์

พี่โจ๊กแอบโกหกภรรยาว่าจะไปทำอย่างอื่น แต่จริงๆ แล้วไปเที่ยวสถานที่นึง ภรรยาจับได้เพราะเห็นรูปในหนังสือพิมพ์ ?
โบว์ : ใช่

โจ๊กเกอร์ : อันนี้พูดตรงๆ พี่จำไม่ได้เลยนะ

โบว์ : เขาบอกเราว่าเขาจะไปงานเตะบอล พอเตะเสร็จก็มีงานเลี้ยง ปาร์ตี้ แล้วภาพคือถ่ายรูปรวมแล้วจะมีผู้หญิงเซ็กซี่หน่อย



พอเห็นแล้วโกรธไหม ?
โบว์ : เพื่อนบอกแล้ว เพื่อนเห็นถ่ายรูปส่งมาให้ดู

ยังไงก็ไม่ยอมให้ลูกสาวทั้งสองคนเข้าวงการบันเทิง ?
โจ๊กเกอร์ : มันไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้น ถามว่ามีคนชวนไหม มี แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็กที่ขี้อาย เขาอาจจะไม่มีแอคติ้ง หรือไปทำงานได้เบอร์นั้น เขาขี้อายทั้งคู่ ตอนเด็กๆ เคยทำรายการด้วยกัน สุดท้ายเราไม่สามารถให้เขาทำอะไรได้เลย มันจะเหมือนให้เขาทำกิจกรรมของเขา แล้วเราก็ส่องถ่ายแบบนั้นมากกว่า เราก็เลยคิดว่าถ้าเขาไปเดี๋ยวไปเป็นภาระกองถ่ายเปล่าๆ เกรงใจเขา

แล้วถ้าวันนึงเขาโตขึ้น แล้วมีความสนใจด้านการแสดง ?
โจ๊กเกอร์ : อันนั้นแล้วแต่เขา ถ้าเขาชอบ เขาพร้อม

ถ้าเกิดไม่ใช่วงการบันเทิง มองอนาคตลูกไว้ยังไง ?
โจ๊กเกอร์ ตอนนี้อยากให้เจาเล่นกีฬา ตอนนี้น้องสิงคนเล่นกีฬาตีแบด ว่ายน้ำ คือให้เป็นเด็กที่มีความชอบเรื่องกีฬามันจะโอเค ที่เหลือก็แล้วแต่เขาแล้ว

โบว์ : ยังไงก็ได้ ให้เขาเลือกตามที่เขาต้องการไปเลย



คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง