"ซูเปอร์โพล" ชี้พิษ "โควิด" ทำ ปชช.ทุกข์ยากไม่พอกิน-ไม่พอใช้ แนะภาครัฐทำงานหนักแก้วิกฤต
“ปั่น ไพบูลย์เกียรติ” ติดโควิด-19 คาดรับเชื้อจากงานที่ระยอง
เตือน!ใช้โซเชียล"Cyberbullying"รับโทษนอนคุก
"หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม" 5 ราศีโชคดีมาแรงหลังสงกรานต์
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ล้มและลุกทันที กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,506 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12-17 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 ระบุว่า เงินในกระเป๋าช่วงโควิด-19 รอบใหม่ ไม่พอกินไม่พอใช้ ทุกข์หนักมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 31.2 ระบุว่า ไม่ค่อยพอกิน ไม่ค่อยพอใช้ ร้อยละ 25.6 ระบุว่า พออยู่พอกิน และร้อยละ 7.6 ระบุว่า เหลือกินเหลือใช้ อยู่ได้สบาย ที่น่าพิจารณา คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงระบาดโควิด-19 รอบใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.7 ระบุว่า เชิดชูบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม. กระทรวงสาธารณสุข ทำงานดี เสียสละ รองลงมาร้อยละ 64.6 ระบุว่า การทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด น่าเชื่อถือ ร้อยละ 62.6 ระบุว่า มีการทุจริตในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในจังหวัดทำโควิดแพร่เชื้อ ร้อยละ 61.8 ระบุว่า มีความเคร่งครัดบังคับใช้กฎหมายป้องกันโควิดในระดับจังหวัด ร้อยละ 60.7 ระบุว่า การบริหารจัดการปัญหาโควิดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และหน่วยอื่นๆ ทำได้ดี ร้อยละ 60.5 ระบุว่า คุณภาพการให้บริการจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยรวมดี ร้อยละ 59.8 ระบุว่า คุณภาพการให้บริการเอาใจใส่ลูกค้าของธุรกิจต่างๆ โดยรวมดี ร้อยละ 59.8 เช่นกันระบุว่า การทำงานของผู้บังคับการตำรวจจังหวัด น่าเชื่อถือ ร้อยละ 58.7 ระบุว่า นักการเมืองลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน และร้อยละ 51.3 ระบุว่า ผลผลิตทางการเกษตรและธุรกิจด้านการเกษตรดี ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่อร้อยละ 60.5 ระบุว่า ผลกระทบ ความเสียหายในช่วงโควิดรอบใหม่อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 35.7 ระบุว่า ปานกลาง และร้อยละ 3.8 ระบุว่า น้อยถึงน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ร้อยละ 54.9 ระบุว่า มีความเป็นไปได้ โอกาส ที่จะลุกขึ้นทำมาหากินต่อ ฟื้นตัวได้มากถึงมากที่สุด ร้อยละ 34.2 ระบุปานกลาง และร้อยละ 10.9 ระบุน้อยถึงน้อยที่สุด
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ปัญหาโควิดเป็นวิกฤตของชาติ ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงสถานการณ์การระบาดรอบใหม่นี้ ประชาชนกว่า 1 ใน 3 เดือดร้อนและได้รับผลกระทบหนักโดยเฉพาะในโซนสีแดงถึงแดงเข้ม อย่างไรก็ตาม เราทุกคนในสังคม ต้องช่วยเหลือกันเดินหน้าผ่านทั้งปัญหาปากท้องและการควบคุมโรคร่วมกันไปให้ได้ ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ต้องรวมพลังช่วยกันแก้ ไม่สร้างเงื่อนไขโทษกันไปมาให้เกิดความแตกแยก โกรธเกลียดกันในหมู่ประชาชน โดยรัฐบาลต้องคงความชัดเจนในนโยบายและเข้มกำกับขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคราชการถือว่าสำคัญยิ่ง ทุกหน่วยราชการต้องทำหน้าที่หนักขึ้นโดยถือว่าเป็นภาวะไม่ปกติที่ต้องดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลไกพื้นที่ระดับท้องถิ่นต้องเข้มแข็งเป็นแกนของสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง เร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งรุกและรับ ร่วมกับเรียนรู้ปรับใช้ตัวอย่างที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ต้องแสดงความรับผิดชอบหากปล่อยปละละเลย ขณะที่ภาคประชาชนและภาคประชาสังคม ต้องเรียนรู้ปรับเปลี่ยนและมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมมากขึ้น ลุกขึ้นมาเสนอแนะและมีส่วนร่วมเป็นพลังอย่างสร้างสรรค์ ล้มแล้วลุกทันที เป็นบทพิสูจน์ความเข้มแข็งของประเทศและความท้าทายของผู้นำในทุกระดับทั้งนโยบายรัฐที่เข้มแข็งตรงจุดชัดเจนในมาตรการ รวมทั้งระบบราชการที่ตื่นตัวและตอบสนองทุกปัญหาทันทีอย่างทรงประสิทธิภาพ และที่สำคัญเราต้องการพลังการมีส่วนร่วมของสังคมอย่างสร้างสรรค์ที่เกิดเป็นคลื่นลูกใหญ่ นำพาการเปลี่ยนแปลงร่วมแก้วิกฤตของประเทศไปด้วยกัน