สำนักงานสิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (13 เม.ย.) แสดงความวิตกว่า การปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เสี่ยงลุกลามเข้าสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ เหมือนในซีเรีย พร้อมกับเรียกร้องต่อรัฐบาลทหารเมียนมา ให้ยุติการสังหารหมู่ผู้ประท้วงต่อต้าน
ทางด้านกลุ่มผู้ประท้วง นัดกันยกเลิกฉลองเทศกาลวันสงกรานต์ หรือที่ชาวเมียนมาเรียกว่า “เหย่บะแวต่อ” ในปีนี้ ซึ่งจะมีขึ้นเป็นเวลา 5 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. และตามปกติจะมีการเข้าวัดทำบุญสรงน้ำพระ และเล่นสนุกสนานสาดน้ำใส่กัน เพื่อเป็นการแสดงความโกรธเคืองต่อกองทัพ ที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน ที่นำโดยนางออง ซาน ซูจี และงดการละเล่นสนุกสนาน เพื่อเป็นการไว้อาลัย ต่อผู้ประท้วง ที่เสียเสียชีวิต จากการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง กว่า 700 คน
กลุ่มเคลื่อนไหวทางด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ในนาม สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง หรือ เอเอพีพี (Assistance Association for Political Prisoners) รายงานว่า จำนวนผู้ประท้วงที่เสียชีวิต จากการปราบปรามของทหารและตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ล่าสุดอยู่ที่ 710 คน รวมถึงเด็ก 50 คน
ทางด้าน นางมิแชล บาเชเลต อดีตประธานาธิบดีหญิงชีลี ปัจจุบันเป็นข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวในแถลงการณ์ จากสำนักงานใหญ่ ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันอังคารว่า การประท้วงในเมียนมา มีผู้ถูกจับกุมคุมขัง 3,080 คน และมีรายงานอีก 23 คน ถูกศาลเมียนมาตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต จากการดำเนินคดีในทางลับ
นางบาเชเลต ยังได้แสดงความวิตก สถานการณ์ในเมียนมากำลังดำเนินไปสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ ดังนั้นรัฐบาลทหารเมียนมาต้องไม่ให้ความผิดพลาดนองเลือด เกิดขึ้นอีก เหมือนที่เคยเห็นในซีเรีย.