"พิธา"โล่งผลตรวจโควิดเป็นลบ ห่วงโควิดระบาดระลอก 3 แนะรัฐควรให้ข้อมูลสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเพจ Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ผมประกาศต่อสาธารณะไปเมื่อเช้าที่ผ่านมาว่าผมเข้ารับการตรวจเชื้อโควิดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงติดเชื้อ ล่าสุดผลการตรวจเชื้อของผมและน้องพิพิมออกมาแล้ว “เป็นลบ” อย่างไรก็ตามผมยังกักตัวเพื่อสังเกตอาการต่อไปอีก 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น ขอขอบคุณทุกความห่วงใย และขอให้ทุกท่านมีความสุขช่วงเทศกาลสงกรานต์ และผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกันครับ
ทั้งนี้นายพิธายังได้ไลฟ์ในหัวข้อ "โควิดระลอก 3 ประชาชนปลอดภัย-เศรษฐกิจไม่พัง" ร่วมกับ พญ.ขวัญปีใหม่ พะนอจันทร์ แอดมินกลุ่ม เรียนรู้ สู้ Covid ผ่านทางเพจพรรคก้าวไกล
นายพิธา เริ่มต้นจากด้วยการชี้แจงผลการตรวจเชื้อโควิดของตนเองและบุตรสาวว่ามีผลเป็นลบหรือไม่พบเชื้อ ส่วนสาเหตุที่ต้องเข้ารับการตรวจเชื้อเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงจากการร่วมเดินทางไปพักผ่อนที่เกาะสมุยพร้อมบุตรและครอบครัวของเพื่อนลูกในวันที่ 4-6 เม.ย. ต่อมา ได้รับแจ้งจากครอบครัวเพื่อนของบุตรสาวว่าตรวจพบเชื้อโควิด แม้ว่าก่อนหน้านี้ได้เคยตรวจหาเชื้อโควิดในวันที่ 8 เม.ย. ที่สภาผลเป็นลบ แต่ได้ตรวจอีกครั้งในช่วงเย็นวันที่ 10 เม.ย.ทันทีที่ได้รับแจ้ง ผลที่ทราบในวันนี้คือไม่พบเชื้อ แต่ก็จะขอกักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน ตั้งแต่วันนี้ 11 - 25 เม.ย. เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ติดเชื้อและไม่แพร่เชื้อสู่สาธารณะ
นายพิธา ได้กล่าวถึงสถานการณ์ระบาดระลอก 3 ว่า มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มขาดแคลนบุคลากรทางสาธารณสุข มีการปฏิเสธการตรวจโควิดในหลายโรงพยาบาลเนื่องจากขาดน้ำยาตรวจและเตียงจากการพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นทำให้มีอัตราการครองเตียงสูง
นายพิธายังได้แลกเปลี่ยนกับทัศนะกับ พญ.ขวัญปีใหม่ ซึ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่หนักหน่วงของพี่น้องบุคลากรสาธารณสุข เนื่องจากการระบาดครั้งนี้เป็นสายพันธุ์อังกฤษแตกต่างจากสองระลอกที่ผ่านมา ทุกอย่างจึงเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากเกิดขึ้นพร้อมกันแต่บุคลากรและเตียงมีไม่มากจึงเต็มอย่างรวดเร็ว เพราะบุคลากรต้องแบ่งคือคนไข้เดิมก็ต้องดูด้วย ซึ่งสายพันธุ์นี้จะระบาดเร็วมากซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ผู้มีความเสี่ยงต้องมาตรวจจนโหลดส่วนห้องแล็บด้วย ปัญหาอาจมีทั้งน้ำยาหมดหรือน้ำยามีแต่ตรวจไม่ทัน แต่ก็มีความพยายามเร่งแก้ไข เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนามที่ มธ.และบางขุนเทียน รวมถึงเริ่มมีการเคลียร์เตียง แต่ทุกคนยังหวั่นใจว่า ถ้ายังคงมีเคสวันละพันๆแบบนี้ สองอาทิตย์ก็คงเต็มที่จึงต้องหามาตรการอย่างอื่นมาเสริม
นายพิธา มองว่า ขนาดกรุงเทพฯซึ่งน่าจะมีทรัพยากรมากที่สุดยังเกิดภาวะเช่นนี้ จึงทำให้เราต้องมองไปถึงพื้นที่อื่นๆ เช่น สตูล หนองบัวลำภู ระนอง เพราะจากข้อมูลสาธารณสุขที่มีในมือตอนนี้พบว่า จังหวัดเหล่านี้มีเตียงน้อย มี ICU น้อย มีบุคลากรน้อย ยังไม่นับว่ามีเครื่องช่วยหายใจอยู่แค่ไหน ขณะที่ครั้งนี้การกลับบ้านช่วงสงกรานต์เกิดขึ้นทุกพื้นที่ การกระจายเชื้อครั้งนี้จึงลงไปถึงชุมชน เรื่องความเหลื่อมล้ำทางสาธารณสุขจึงเป็นอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงและต้องมองไปที่ร้อยวันข้างหน้าที่อาจมีไข้เลือดออก ปอดบวม หรือโรคประจำฤดูกาลมาทับซ้อน ข้อมูลเหล่านี้สามารถประเมินได้ตั้งแต่ตอนนี้ว่าตรงไหนมีความเหลื่อมล้ำในระบบสาธารณสุขอยู่และต้องวางแผนได้ว่าจะเพิ่มอะไรตรงไหนบ้าง และจากข้อมูลงบประมาณที่พรรคได้ศึกษาพบว่ามีเพียงพอที่จะนำมาจัดการได้
ในประเด็นความกังวลถึงประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ พญ.ขวัญปีใหม่ แสดงความเป็นห่วงไว้ เนื่องจากหากดูกรณี ประเทศชิลี เป็นตัวอย่างซึ่งฉีดวัคซีนครอบคลุมแล้ว 37 เปอร์เซ็นต์ของประชากร แต่กลับมีการระบาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะวัคซีนที่ไม่สามารถป้องกันเชื้อที่กลายพันธุ์ได้
นายพิธา ระบด้วยว่า สิ่งที่รัฐควรให้กับประชาชนตอนนี้คือการให้ข้อมูลสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อการเตรียมพร้อมรับมือโควิดอย่างเท่าทัน ก่อนจะสายเกินไป ถ้ามัวแต่ปกปิดความจริง สุดท้ายจะนำไปสู่การล็อกดาวน์อยู่ดี และทุกอย่างจะพังทลาย คนก็ตาย เศรษฐกิจก็พัง เราไม่อยากเห็นการล็อกดาวน์อีกครั้ง เพราะฉะนั้นขอให้รัฐบาลรับข้อเสนอเหล่านี้ไปพิจารณา เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ
ขอบคุณเพจ Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์