รัฐบาลจีนสั่งปรับบริษัทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ “อาลีบาบา" ของมหาเศรษฐี แจ็ค หม่า จำนวน 18,300 ล้านหยวน หรือประมาณ 87,582 ล้านบาท ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดการค้า นับเป็นการลงโทษปรับ จำนวนเงินมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของจีน
สำนักงานกำกับดูแลด้านการตรวจสอบตลาดแห่งรัฐ หรือ เอสเอเอ็มอาร์ (State Administration for Market Regulation : SAMR ) มีคำสั่งเมื่อวันเสาร์ (10 เม.ย.) ปรับเงิน บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง หนึ่งในผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซ รายใหญ่ที่สุดของโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกตอนกลางของจีน จำนวน 18,300 ล้านหยวน ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดการค้า มานานหลายปี
แถลงการณ์ของเอสเอเอ็มอาร์ระบุว่า บริษัทอาลีบาบา ซึ่งก่อตั้งโดยนายแจ็ค หม่า มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของจีน เมื่อเดือน เม.ย. 2542 "จำกัดหรือควบคุมกิจการของผู้ประกอบการรายย่อย ที่อาศัยแพลตฟอร์มของอาลีบาบาในการทำธุรกิจ และขัดขวางกระบวนการหมุนเวียนสินค้าอย่างเสรี"
ค่าปรับที่อาลีบาบาต้องจ่ายให้กับรัฐบาลจีน มีอัตราส่วนประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้จากภายในประเทศทั้งหมดของบริษัทในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมีมูลค่า 455,712 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.180,990 ล้านบาท
อาลีบาบาถูกรัฐบาลจีนจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังหม่าเข้าร่วมงานเสวนาทางธุรกิจ ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ปีที่แล้ว โดยหม่ากล่าววิจารณ์การทำงานของเอสเอเอ็มอาร์อย่างหนัก หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน บริษัทแอนต์ กรุ๊ป ในเครืออาลีบาบา ผู้ประกอบการด้านฟินเทครายใหญ่ที่สุดในโลก แ ละ เจ้าของบริการ "อาลีเพย์" ยกเลิกแผนการระดมทุนขายไอพีโอ หรือการออกหรือเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ในนาทีสุดท้าย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เป็นคำสั่งโดยตรง จากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน.