รัฐบาลทหารเมียนมาเผยเมื่อวันศุกร์ ว่า การประท้วงต่อต้านรัฐประหารในประเทศ เริ่มซาลงแล้ว เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุน จากประชาชนส่วนใหญ่ ที่ต้องการความสงบสุข พร้อมกับประกาศจะจัดการเลือกตั้งภายใน 2 ปี ซึ่งนับเป็นการกำหนดกรอบเวลาชัดเจนเป็นครั้งแรก สำหรับการกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย นับตั้งแต่กองทัพเมียนมา ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน เมื่อวันที่ 1 ก.พ.
สถานการณ์การประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารในเมียนมา เมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยิงลูกระเบิดจากปืนไรเฟิล สลายการชุมนุมประท้วงในเมืองพะโค ใกล้เมืองหลวงเก่าย่างกุ้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ โดยศพผู้เสียชีวิตถูกลากไปกองรวมกันไว้ ที่มุมกำแพงวัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง
แต่ 2 เว็บไซต์ข่าว เมียนมา นาว และมอกุน รายงานว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตในเมืองพะโค อย่างน้อย 20 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของตัวเลขได้ เนื่องจากทหารและตำรวจตั้งแนวปิดล้อม ห้ามสัญจรผ่านรอบเขตวัด ที่นำศพไปกองไว้
นายพลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในกรุงเนปิดอว์ เมื่อวันศุกร์ ว่า ประเทศกำลังกลับคืนสู่ปกติ หน่วยงานราชการและธนาคาร จะเปิดทำการต่อในอีกไม่นาน โดยเหตุผลที่การประท้วงกำลังซาลง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ ประชาชนต้องการความสงบสุข
นายพลจัตวาซอ มิน ตุน กล่าวว่า การประท้วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงเสียชีวิต 248 คน จากการบันทึกของเจ้าหน้าที่ และมีตำรวจเสียชีวิต 16 นาย การปราบปรามการประท้วง เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการใช้อาวุธอัตโนมัติแต่อย่างใด
โฆษกรัฐบาลทหารกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะจัดให้มีการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี
ทางด้านกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ในนาม สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง หรือ เอเอพีพี (The Assistance Association for Political Prisoners : AAPP) รายงานว่า นับถึงช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (8 เม.ย.) จำนวนผู้ประท้วงที่เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 614 คน รวมถึงเด็ก 48 คน และถูกจับกุมกว่า 2,800 คน.