ตร.ตามรวบ "4 ผู้ต้องหา" งัดตู้เซฟโรงงานพ่นสีหนังสัตว์ กวาดเงินสดไปกว่า 9 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พล.ต.ต.ชุทพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก., พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ (งัดตู้เซฟ) ได้เงินสดสกุลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท ประกอบด้วย นายสำรวย หรือน้อย ภักดี อายุ 58 ปี, นายสินณพัฒน์ หรือโบ้ สุวรรณรัตน์ อายุ 54 ปี, นายทวีศักดิ์ หรือรั่ว สุขประเสริฐ อายุ 48 ปี และนายไพโรจน์ หรือโรจน์ สุขประเสริฐ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางเงินสดธนบัตรไทยจำนวน 3,500,000 บาท เงินสกุลไต้หวัน 1,300,000 บาท เงินสกุลญี่ปุ่น 138,900 บาท เงินสกุลสหรัฐ 1,261,200 บาท เงินสกุลจีน 538,620 บาท และเงินสกุลฮ่องกง 203,674 บาท พร้อมทรัพย์สินประเภท ไข่มุก และทองคำ มูลค่ารวมประมาณ 2,300,000 บาท นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ 2 เรือน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกก่อเหตุกว่า 9,287,394 บาท โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 5 เม.ย. ภายในบริษัท คลาสสิค โปรดักส์ (ประเทศไทย ) จำกัด เลขที่ 234,333 หมู่ 4 ถนนพุทธรักษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.ชุทพล กล่าวว่า การจับกุมดังหล่าว สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าของวานนี้ที่ 6 เม.ย. มิเตอร์หลิน ชินโฟ อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท คลาสสิค โปรดักส์ (ประเทศไทย ) จำกัด เข้าแจ้งความโดยระบุว่ามีคนร้ายเข้าก่อเหตุลักทรัพย์ภายในสำนักงานภายในบริษัทและงัดตู้เซฟ ส่งผลให้ทรัพย์สินเป็นเงินสดสกุลไทย เงินสกุลต่างประเทศ ทองรูปพรรณ ไข่มุก และนาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ จำนวน 2 เรือน หายไป หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเร่งแกะรอยของคนร้าย โดยมีหลักฐานภาพจากกล้องวงปิดของเทศบาลบางปู ที่ติดตั้งอยู่ริมถนนพุทธรักษา บันทึกภาพของคนร้ายและยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเอาไว้ได้ พบเป็นรถสองแถวโดยสารสายสำโรง-พระประแดง ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 10-5566 สมุทรปราการ โดยที่คนร้ายได้ขับรถสองแถวคันดังกล่าวมาชะลอตัวอยู่บริเวณใกล้บริษัทที่เกิดเหตุ ก่อนที่คนร้ายเป็นชาย 2 คน เดินมาเดินวนเวียนดูราดเลาที่หน้าบริษัทอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งสบโอกาส ชายทั้งสองจึงวนขึ้นสะพานลอยซึ่งอยู่ติดกับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ชิดกำแพงรั้วของบริษัท ก่อนที่คนร้ายทั้งสองจะปีนลงจากราวสะพายลอยขึ้นไปบนต้นไม้แล้วปีนผ่านรั้วกำแพงโรงงาน ก่อนเข้าไปทำการงัดตู้เซฟภายในห้องสำนักงานภายในบริษัทดังกล่าว จากนั้นจึงกลับออกทางเดิมแล้วขึ้นรถสองแถวหลบหนีออกมาทางถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าแยกหอนาฬิกา ก่อนจอดส่งคนร้ายทั้งสองคนที่เข้าไปก่อเหตุที่บริเวณริมถนนสุขุมวิท หน้าโรงเรียนนายเรือ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แกะรอยจนไปพบกับรถสองแถวคันดังกล่าวจอดอยู่ที่จุดพักรถสองแถวสายดังกล่าว พบ นายสำรวย หรือน้อย นั่งอยู่ภายในรถในตำแหน่งคนขับ จึงนำตัวมาทำการสอบสวน ก่อนที่ นายสำรวย จะให้การรับสารภาพ โดยระบุว่าได้รับการชักชวนจากนายโบ้ และนายรั่ว ให้ขับรถพาไปก่อเหตุลักทรัพย์ที่บริษัทดังกล่าว โดยตนเป็นคนขับรถไปส่งนายโบ้ และนายรั่ว ที่บริษัท แล้วให้วนไปรับกลับ โดยตนได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 25,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวนายโบ้ และนายรั่ว ได้พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง ก่อนติดตามไปจับกุม นายไพโรจน์ ที่รับซื้อนาฬิกาทั้งสองเรือน ที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองนำไปขายให้ และจากการตรวจสอบประวัตินายโบ้ และนายรั่ว ผู้ก่อเหตุทั้งสองพบว่า เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำได้ไม่นานในคดีลักทรัพย์ โดยผู้ก่อเหตุทั้งสองรู้จักกันในขณะที่ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ โดยหลังพ้นโทษออกมาจึงชักชวนกันมาก่อเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นและใช้ยานพาหนะในการก่อเหตุ หรือรับของโจร ก่อนควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ส่งพร้องของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป