"เอ๋ พรทิพย์" เผย "ป๋อ ณัฐวุฒิ" คลั่งรักหึงหวงเก่งหลังเซ็นใบหย่า ผิดกับก่อนหน้านี้ราวคนละคน
“ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” ควง “เอ๋ พรทิพย์” เคลียร์เหตุทะเลาะกันหนักมากจนต้องไปหย่าเพื่อแก้เคล็ด 6 เดือน แถมเปลี่ยนตัวเองเป็นสามีสายเปย์เซ็นเช็คให้ภรรยาหลายใบ พร้อมแพลนมีลูกสาวจะเริ่มมีเมื่อไหร่ ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” งานนี้มีแต่ความหวาน ...
ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกันตลอดเวลา ?
ป๋อ : ตอนนั้นหนัก เป็นช่วงที่ภูดิศขวบสองขวบ คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราได้กลับมาเป็นตัวเอง และเริ่มเกลียดกัน พูดไม่เข้าหูกัน เหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ ยิ่งเคลียร์ก็ยิ่งไปกันไม่ได้ แล้วเรื่องที่ทะเลาะก็จะคล้ายๆ เรื่องเดิม คือตอนนั้นเราก็คิดว่าอาจจะมีการหย่า เพราะมันดูเหมือนไปไม่ได้ แต่เราก็คิดถึงลูกแหละ ก็เลยคุยกับเอ๋ว่า เอ๋เห็นไหมว่าคนจะเลิกกันตอนลูกขวบหรือ 2 ขวบทั้งนั้นเลยนะ ก็ลองไปไหว้พระก่อน คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องในครอบครัวที่เราไม่เคยพูด
เอ๋ : ตอนนั้นก็แยกห้องกันนอน คือเวลาพี่ป๋อเขาอารมณ์ไม่ดี เขาจะขึ้นเร็วและแรง เขาก็เลยไปนอนอีกห้องหนึ่ง ส่วนเอ๋นอนกับลูก เรื่องที่ทะเลาะกันเป็นเรื่องจุกจิก คือเอ๋เป็นคนเลี้ยงลูกเองด้วย เราก็จะเหนื่อย เราก็งอนว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา
แล้วไปปรึกษาพระอาจารย์ท่านว่าอย่างไรบ้าง ?
ป๋อ : คือผมก็มีพระอาจารย์ที่นับถืออยู่ คือบางครั้งเราไปไหว้พระเราก็สบายใจ แล้วเราก็รู้สึกว่าการได้ถ่ายทอดปัญหาของเรากับคนกลาง คนกลางก็จะช่วยได้ ผมก็เลยไปปรึกษาท่าน ท่านก็บอกว่างั้นก็ไปหย่าสิ อีก 6 เดือนค่อยมาแต่งกันใหม่ ตอนแรกผมก็คิดว่ามันต้องเป็นการแก้เคล็ดเป็นเรื่องไสยศาตร์แน่ๆ ผมเพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันเป็นกุศโลบายของท่าน เพื่อเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องหย่ากันจริงๆ ตอนที่เราเซ็นมันเกิดความรู้สึกบางอย่างเหมือนกัน คือตอนนั้นผมรู้สึกกลัวไป กลัวเขาจะมีคนใหม่ กลัวเขาจะชอบชีวิตที่ไม่มีผม เราก็เลยทำข้อตกลงกันว่า หนึ่งคือเอ๋ห้ามมีคนอื่น สองเอ๋ห้ามไปเที่ยวและเปิดโอกาสให้ตัวเองมากเกินไป สามก็ต้องย้อนกลับมาข้อหนึ่งอีกคือเอ๋ต้องรักพี่คนเดียวเท่านั้นนะ
เอ๋ : คือตอนที่ฟังข้อตกลง เอ๋ก็งงมาก เพราะปกติเขาเป็นคนแข็งๆ เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย แต่ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันเพราะเขาจะได้รู้ว่าผู้หญิงไม่ใช่คนที่จะต้องเป็นฝ่ายยอมอย่างเดียว แต่เอาจริงๆ ก็คือเขาก็รักเรานั่นแหละ ส่วนตอนที่ไปเซ็นใบหย่าเราก็รู้สึกสั่นๆ เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แล้วว่าอีก 6 เดือน อย่างไรก็ต้องกลับมาจดทะเบียนกันอีกที ตอนนั้นรู้สึกแป้วๆ ว่าจริงเหรอ แล้วก็คิดต่อว่าถ้าอนาคตเรายังทะเลาะกันเหมือนเราแล้วเราจะกลับมาจดทะเบียนกันอีกไหม
คนอื่นปรึกษาจิตแพทย์ แต่พี่ป๋อปรึกษาพระ เอ๋ งง บ้างไหม ?
เอ๋ : ไม่งง เขาชอบทางศาสนาอยู่แล้ว เขาชอบสวดมนต์ เขาเชื่อว่าศาสนาจะทำให้จิตใจเราดี ซึ่งเอ๋ก็เห็นด้วยที่เขาไปปรึกษาพระอาจารย์ พระอาจารย์น่าจะทำให้พี่ป๋ออ่อนลงได้ ซึ่งตอนนั้นเราเลี้ยงลูกด้วย ซึ่งมันเหนื่อยมาก เอ๋เข้าใจแม่บ้านทุกบ้านเลย คือตอนนั้นนอกจากจะเหนื่อยกายแล้ว เรายังเหนื่อยใจ คือเวลาเขาโมโหเขาจะขุดเอาทุกเรื่องมาพูด และที่สำคัญเอ๋เถียงอย่างไรก็ไม่ชนะเพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้เอ๋พูดเลย เอ๋เลยปล่อยให้เขาพูดไป ส่วนเอ๋เงียบ แล้วเอ๋ก็ทน แต่เราเจ็บนะกับสิ่งที่เขาพูด
หลังเซ็นใบหย่าสถานการณ์ดีขึ้นไหม ?
ป๋อ : ดีขึ้นมาก คือเหมือนท่านให้เราไปสัมผัสกับสถานการณ์จริง ว่าถ้าหย่ากันจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร ตอนนั้นเราไม่อยากหย่า เพราะเรารักลูก เราไม่อยากให้พ่อไปทางแม่ไปทาง พอกลับมาเซ็นใหม่เราเลยเลือกที่จะปรับตัวเอง
แล้วคลั่งเมียนี้ตอนไหน ?
ป๋อ : ก็ช่วง 6 เดือนที่เซ็นใบหย่านี่แหละ เพราะผมเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้เลย ควบคุมเขาไม่ได้สักอย่าง คือผมก็เริ่มคิดได้ว่าในเมื่อเขาไม่สนใจเรา เราก็สนใจเขาแทน แล้วผมก็เริ่มเปลี่ยนตัวเอง โดยเริ่มจากลงรูปเขาสวยๆ
เอ๋ : พอเขาเปลี่ยนเราก็งงและเริ่มกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า คือจากคนที่ไม่เคยลงรูปเอ๋เลย ไม่เคยถ่ายรูป ไม่เคยขอรูป ไม่อะไรทั้งสิ้น ตอนนี้มีหมด บางทีเอ๋ยังไม่ได้ลงเลย เขาก็เอารูปเราไปลง ช่วง 6 เดือนที่หย่ากันพี่ป๋อเปลี่ยนแทบทุกอย่าง จากเป็นคนที่รักตัวเอง เขาก็ทำให้เราเห็นว่าเขารักเรา จากที่ชอบดูทีวี ชอบดูหนังก็ดูน้อยลง มาช่วยดูลูกมากขึ้น
พี่ป๋อเปย์หนักมาก ?
ป๋อ : ผมก็จัดทุกเทศกาล อย่างคริสมาสต์ ปีใหม่ วาเลนไทน์ และยังมีวันเกิดเขาอีก ผมก็จะรวบมัดตึงแล้วจ่ายเช็ค 1 ใบ เป็นหลักล้านแน่นอน แต่ผมขอเอ๋อย่างเดียวว่าจะโพสต์อะไรก็ได้แต่อย่าโพสต์เงิน คือเราไม่อยากให้ใครมองว่าเราไม่ดี คือผมเห็นว่าเขาทำงานหนัก แล้วผมเคยซื้ออะไรให้เขา เขาก็ไม่ชอบก็ให้เป็นเช็คดีกว่า ให้ไปซื้อเอง
เอ๋ : เราก็ชอบมาก เรารู้สึกได้เลยว่าเขาใส่ใจเรามากขึ้น
เห็นว่าตอนนี้คอยตามจิกเมียตลอด ?
ป๋อ : ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนไม่หึงเลย เพราะเอ๋เป็นคนไม่เปิดโอกาสให้ใครเลย แต่ช่วงหลังเขาสวยขึ้นมาก บางครั้งเราก็เป็นห่วง บางครั้งก็งี่เง่าบ้าง ผมเชื่อว่าเขารำคาญ
เอ๋ : คือถ้าเทียบกับแต่ก่อนแบบนี้ก็ดี ดีกว่าที่เขาไม่สนใจเราเลย
หลังเซ็นใบแต่งอีกครั้งเป็นอย่างไร ?
ป๋อ : บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น เพราะ 6 เดือนที่ผ่านมาเราเริ่มไม่ทะเลาะกันแล้ว แล้วเราก็ได้ข้อคิดว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ คนข้างนอกอาจจะมองว่าครอบครัวเราดี ก็ยอมรับว่าบางครั้งมันก็เป็นภาพที่เราสร้างขึ้นมา คนเราคงไม่มีใครลงเรื่องไม่ดีให้คนอื่นเห็นหรอก แต่ทุกคนก็ต้องเจอปัญหาในการใช้ชีวิตทุกครอบครัวต่างมีปัญหาของตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะใช้สติฝ่าฟันไปได้อย่างไร
เอ๋ : เอ๋ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลูกด้วย แล้วเราก็คบกันมานาน ที่สำคัญเอ๋คิดว่าการที่เราจะไปเริ่มกับใครใหม่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะโอเคแล้วไปได้ตลอดรอดฝั่ง ในเมื่อเรารักกันอยู่แล้วเราก็มาปรับจูนกันดีกว่า แต่เอ๋ขอเขานะ ว่าพี่เอ๋ขอใช้นางสาวได้ไหม แต่เขาไม่ให้
เห็นว่าป๋ออยากได้ลูกสาวแต่เอ๋ไม่ยอม ?
เอ๋ : คือตอนแรกเอ๋ก็อยากได้ เพราะเราแพลนกันว่าลูกคนที่สองเราอยากได้ผู้หญิงแต่เขาเป็นผู้ชายเสียก่อน พอเราเลี้ยงไป 2 คนแล้ว คือเราเหนื่อย เราก็เลยรู้สึกว่าถ้ามีอีกคนเราคงไม่ไหว
ป๋อ : คือเราอยากมีเพราะเราเล่นกับลูกคนอื่นแล้วรู้สึกน่ารัก เพราะผู้หญิงจะอ้อนพ่อ แล้วตอนนี้เราก็เริ่มผ่านช่วงยากๆ มาแล้ว ลูกๆ เริ่มโตแล้ว เริ่มไม่ตื่นกลางคืนแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าพอแล้วดีกว่า
เห็นวันเกิด ภูดิศ ซื้อของขวัญให้เป็นเต่า ?
เอ๋ : ภูดิศเป็นคนชอบปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ชอบสัตว์ ชอบหมดเลย แล้วเอ๋คิดว่าเต่าเป็นอะไรที่ทนมากและเราไม่ต้องประคบประหงมมาก เราก็เลยซื้อให้เขา ซึ่งเขาก็ดีใจมาก
มีลูกชาย 2 คน นิสัยแตกต่างไหม ?
เอ๋ : แตกต่าง อย่างภูดิศจะติสต์นิดหนึ่ง จะคล้ายพี่ป๋อเลย ส่วนเภาจะเป็นคนอารมณ์ดี ง่ายๆ ถามว่าเขาทะเลาะกันไหมทะเลาะกันประจำ
ป๋อ : เราเคยเป็นกรรมการห้าม สุดท้ายเขาก็ตีกันต่อไป
เอ๋ : ล่าสุดเพื่อนเอ๋ไปเรียนจิตวิทยามา เขาก็บอกให้เราลองทำ เวลาเขาตีกันปุ๊บเอ๋จะอยู่ห่างๆ เพราะ เขาทะเลาะกันเพื่อเรียกร้องเรา เข้าไปห้ามเพื่อที่เราจะห้ามใครสักคน คือถ้าเราห้ามพี่ คนน้องก็จะเสียใจ เราก็เลยปล่อยให้เขาตีกันไปก่อน ตีให้จบดูสถานการณ์ว่าเขาจะทำอย่างไร สุดท้ายเขาก็คุยกันเองว่าขอโทษก็ได้ สุดท้ายก็จบด้วยดี เราก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง
เห็นว่าเคยทำโทษลูกแล้วต้องมานั่งร้องไห้ ?
ป๋อ : คือผมจะเป็นคนเอาลูกนอนตลอด และจะมีกระบวนการทำโทษในหลายๆ ระดับ ตั้งแต่เบาไปหาหนัก จริงๆ เราไม่ได้มองเป็นเรื่องสำคัญ คือวันนั้นเหมือนเภาจะหงุดหงิดอะไรสักอย่าง เราก็บอกเขาว่าถ้าเภาเป็นแบบนี้พ่อป๋อจะไม่เอาเภานอนแล้วนะ และถ้าเภายังเป็นแบบนี้พี่ป๋อจะตีเภาแล้วนะ เขาก็เอานมเทลงบนเตียงเลย เราก็ตบไหล่เขาไปที ปรากฎว่า ไหล่เขาเขียวจนเราตกใจเพราะเราไม่เคยทำร้ายเขา แล้วเราทำร้ายเขาซึ่งเป็นลูกเราขนาดนี้ ผมก็เลยให้เอ๋ขึ้นมาดู
เอ๋ : วันนั้น เราขึ้นไป ลูกร้องหนักมาก แล้วเขาก็กลัวพี่ป๋อมากด้วย เอ๋เห็นพี่ป๋อสั่นแล้วบอกแต่ว่า เอ๋พี่ขอโทษๆ แล้วเขาก็ร้องไห้ ในความเป็นแม่เราก็เสียใจ แต่เราก็เข้าใจ ว่าบางทีอารมณ์มันจะระงับให้ถึงตรงนั้นค่อนข้างยาก เอ๋บอกพี่ป๋อว่าไม่เป็นไร แต่พี่ป๋อรู้ใช่ไหมว่าลูกเจ็บ เขาก็บอกว่าเขารู้แล้วเขาก็ร้องไห้ แล้วเภาก็บอกพี่ป๋อว่า พ่อป๋อครับไม่เป็นไรเภาไม่เจ็บ
ป๋อ : คือมันยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่เพราะเขาไม่โกรธเราเลย พอเราถามเขาว่าโกรธพ่อไหมเขาบอกว่าไม่มีวัน มันก็ยิ่งทำให้เราได้แต่คิดว่าทำไมเราห้ามตัวเองไม่ได้ เราก็ตั้งใจว่าต่อไปเราจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว