ปักกิ่ง, 31 มี.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (30 มี.ค.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่าจีนกำลังจัดสรรความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แก่ 80 ประเทศและ 3 องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงส่งออกวัคซีนไปยังกว่า 40 ประเทศ พร้อมร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนกับอีกกว่า 10 ประเทศ
ฮว่าแถลงข่าวหลังดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนเมื่อวันจันทร์ (29 มี.ค.) ถึงช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างจำนวนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศร่ำรวย และวัคซีนที่แจกจ่ายไปยังประเทศที่ยากจนกว่าผ่านโครงการโคแวกซ์ (COVAX)
ฮว่าระบุว่าหากอิงตามสถิติแล้ว ประเทศร่ำรวยซึ่งคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลก กำลังครอบครองวัคซีนร้อยละ 60 ของวัคซีนทั่วโลก โดยหลายประเทศพัฒนาแล้วที่ร่ำรวยได้สั่งซื้อวัคซีนมากเป็น 2-3 เท่าของประชากรในประเทศ ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนไม่มีหรือไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนที่ผลิตในประเทศตะวันตกได้
ฮว่ากล่าวว่าวัคซีนเป็นอาวุธทรงพลังในการต่อต้านไวรัสและความหวังในการช่วยชีวิตประชาชน ซึ่งทุกคนควรได้รับและควรเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ โดยจีนเป็นผู้ริเริ่มที่จะทำให้วัคซีนกลายเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะทั่วโลก และมุ่งมั่นจะเพิ่มการเข้าถึงและความสามารถซื้อวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ จีนเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์และแสดงคำมั่นชัดเจนในการจัดสรรวัคซีนเบื้องต้นจำนวน 10 ล้านโดส เพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งยังตอบสนองข้อเรียกร้องจากสหประชาชาติ (UN) ในการบริจาควัคซีนแก่กองกำลังรักษาสันติภาพจากทั่วทุกมุมโลก
“เรายินดีที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในการจัดสรรวัคซีนให้นักกีฬาที่เตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก” ฮว่าเสริม
อย่างไรก็ดี ฮว่ากล่าวว่าจีนต่อต้านพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมและไร้ซึ่งความรับผิดชอบของ “วัคซีนชาตินิยม” และการสร้าง “ช่องว่างทางภูมิคุ้มกัน” พร้อมเสริมว่า “นอกจากนี้เรายังเรียกร้องทุกประเทศพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดสรรวัคซีนให้ประเทศที่จำเป็นต้องใช้ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้ประชาชนจากทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้”