ซับซ้อนซ่อนลูก !! "ส้มเช้ง" เล่าชีวิตแสนระทมจมทุกข์ ไร้งานไร้เงินเกือบฆ่าตัวตาย

2021-04-01 11:35:16

ซับซ้อนซ่อนลูก !! "ส้มเช้ง" เล่าชีวิตแสนระทมจมทุกข์ ไร้งานไร้เงินเกือบฆ่าตัวตาย

Advertisement

"ส้มเช้ง สามช่า" ควงลูกสาว เปิดชีวิต Single Mom สุดลำบาก หอบลูกหนี - คิดฆ่าตัวตาย เผยเตรียมผันตัวเป็น Youtuber !!!



ตลกสาว "ส้มเช้ง สามช่า" ที่วันนี้จะมาเปิดเผยชีวิตการเป็นซิงเกิลมัมกว่า 20 ปี สุดลำบากหอบลูกหนีอดีตสามี ไร้งาน ไร้เงิน เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว พร้อมเปิดตัวลูกสาวสุดน่ารัก น้องหยก น้องคิม และความห่วงลูกสาวขั้นสุดเตรียมลาออกจากวงการบันเทิง ผันตัวเป็นยูทูบเบอร์ โดยทั้งสามได้มาเปิดใจผ่านทางรายรายคุยแซ่บshow 




ล่าสุดเปิดตัวลูกสาว แม่ไปมีลูกตอนไหน ?
ส้มเช้ง : มีก่อนเข้าวงการ พี่เข้าวงการตอนอายุ 35 พี่มีลูก 30-31



แล้วทำไมก่อนหน้านั้นไม่ได้เปิดตัว ?
ส้มเช้ง : เราเป็นตลกตัวเล็กๆ แล้วเราอยู่วงการเราไม่มีแฟนด้วย แล้วอยู่ๆ วันนี้จะขอเปิดตัว มันก็ไม่ใช่ แล้วตอนนั้นลูกยังเล็กมาก แค่เพื่อนๆ รู้ว่ามีแม่เป็นตลก เด็กๆ ก็โดนล้อ

หยก : เหมือนล้อพ่อ ล้อแม่ กัน ไอ้ลูกตลกๆ ถามว่าซีเรียสไหม ตอนเด็กๆ มันก็มีบ้างนะคะ หนูจะซีเรียสที่เขาบอกว่าลูกไอ้ส้ม หลานไอ้เท่ง อะไรอย่างนี้ เราก็งง เราเรียกลุงๆ แต่ทำไมคนอื่นเรียกไอ้ เราไม่เข้าใจเท่านั้นเอง

คิม : คือพอเราบอกว่าเป็นลูกส้มเช้ง เขาบอกส้มเช้งไม่มีลูกไม่ใช่เหรอ ไม่เชื่อ ก็หาว่าหนูโกหก





แล้ววันนี้อะไรที่ทำให้พี่ตัดสินใจเปิดเลย ?
ส้มเช้ง : คือจริงๆ โตแล้วไง 21 แล้ว เราก็คุย แม่ว่าแม่จะเปิดตัวแล้วนะ แล้วเราก็อายุเยอะแล้ว ทุกคนน่าจะยอมรับได้แล้ว

กระแสหลังจากที่เปิดตัวเป็นยังไงบ้าง ?
ส้มเช้ง : กระแสดีมาก เราไม่ใช่นางเอก เราเป็นตลก แล้วลูกโตเป็นสาวแล้ว เรามีวุฒิภาวะที่จะดูแลลูกได้แล้ว พอเปิดปุ๊บไม่ได้มีลบเลย มีแต่บวก



แล้วกระแสของเราสองคน เพื่อนๆ เชื่อกันแล้วนะ ?
คิม : เชื่อแล้วค่ะ

หยก : ก็มีบ้าง จะมีคนคิดว่าลูกเลี้ยง

ส้มเช้ง : เอามาปั่นทำกระแสโซเชียลหรือเปล่า ทำยูทูบแบบนี้





วันนี้ยืนยันอีกครั้งว่าสองคนนี้คือลูกในสายเลือดเลย ?
ส้มเช้ง : คลอดมาเองเลย

ดันเข้าวงการบันเทิงไหม ?
ส้มเช้ง : พี่เต็มที่นะถ้าเขาชอบ คนนี้ตอนแรกพี่คุยเลยนะหยกเอาไหมลูก เดี๋ยวจะไปฝากผู้ใหญ่ เขาบอกว่าตอนนี้หนูอยากร้องเพลง ตอนนี้หนูอยากเป็นยูทูบเบอร์

อยากเข้าวงการไหมลูก ?
คิม : ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะคะ

หยก : ช่องวันฝากเนื้อ ฝากตัว ด้วยนะคะ




เลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่ลูกกี่ขวบ ?
ส้มเช้ง : ต้องบอกว่าตั้งแต่คิมยังไม่หย่านมเลย จริงๆ มีปัญหากับอดีตสามีตอนจะคลอดละ พอคลอดมาไม่ถึงขวบพี่ก็พาลูกหนีเลย ก็เลี้ยงลูกคนเดียว มันเป็นความฝันของผู้หญิงทุกคน พอมีสามี มีลูกก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด แล้วพี่เป็นคนที่ค่อนข้างทิฐิ พี่เดินด้วยตัวเองมาตลอด แล้วพอมาเจอสถานการณ์ที่เราต้องบีบ อยู่ตัวเล็กๆ แล้วพอมันไม่เป็นอย่างที่เราฝัน เราก็เลยหอบลูกหนี

ตอนที่หอบลูกหนี เห็นว่าลำบากมาก เงินติดตัวแทบจะไม่มี ?
ส้มเช้ง : พี่มีเงินติดตัวมาไม่น่าถึงหมื่น แต่ว่าพี่มีสร้อย มีแหวน มีนาฬิกา ติดมาบ้าง ทรัพย์สินตรงนั้นขายเลี้ยงลูก จนลูกเริ่มเข้าโรงเรียนก็เริ่มลำบากละ เราไม่มีงาน อดีตสามีคิดว่าพี่คงไปไม่รอดหรอก เพราะพี่ไม่มีงานทำ แต่ด้วยความที่เราทิฐิ เราก็เลยไปนึ่งข้าว แล้วใส่โฟมไปขายที่ตลาด พี่ทำอยู่ 3 วัน มันขายไม่ได้อะ ขายได้วันนึง 100 กว่าบาท มันเหมือนมันสุดแล้ว ไม่รู้จะทำไง เอาวะ เป็นทางออกของแม่คนนึงที่จะทำให้ลูก สามีค่อนข้างมีฐานะ เราคิดว่าถ้าเราไม่อยู่แล้ว ลูกเขาต้องรับไป เพราะว่าเขาไม่มีลูก น้องหยก เป็นหลานคนแรกของตระกูล พี่ก็ทบทวนกับความคิดตัวเอง ถือเชือกเข้าไปในห้อง แล้วเอาไปผูกกับขอบหน้าต่าง

คือพี่ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย ?
ส้มเช้ง : ถูกต้อง เพื่อให้พ่อเข้ารับเด็กๆ ไปอยู่ แล้วคิดว่าเขาต้องสบายแน่นอน



สาเหตุอะไรที่ทำให้เราออกมาจากอดีตสามี ?
ส้มเช้ง : เขาไม่ได้มีเราคนเดียว

หลังจากที่พี่ส้มผูกคอ มันเกิดอะไรขึ้น ?
ส้มเช้ง : ต้องบอกว่าคนที่จะฆ่าตัวตาย มันเป็นเสี่ยววินาทีจริงๆ พี่ผูกแล้ว กำลังทำคล้อง เพื่อจะคล้องคอตัวเอง แล้วร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็ทบทวน มันก็จะมีอารมณ์แว๊บขึ้นมาคือกลัวตาย กับแว๊บขึ้นมากูต้องตาย มันเถียงกันอยู่อย่างนี้ พี่ก็ฮึบขึ้นมา เราเป็นคนที่เอาลูกออกมาเองไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าเราตายผู้หญิงคนนั้นดูถูกเรา ตัวสามีดูถูกเรา มึงไปไม่รอด พี่ก็แกะเชือกออกจากกรงเหล็กแล้วทิ้งถังขยะ แล้วพี่ก็บอกฉันต้องสู้เพื่อลูก

วันนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงไปพาหุรัด ?
ส้มเช้ง : พี่ว่ามันเป็นวงจรของคนที่เป็นลิเก ลิเกส่วนมากเขาจะไปเดินพาหุรัด แต่ตอนนั้นพี่ไม่ได้มีงาน พี่คิดว่าถ้าพี่อยู่บ้านพี่ก็จะคิดเหมือนเดิม พี่ก็เลยนั่งรถเมล์ไปตลาดพาหุรัด พี่มีความเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้โดยเฉพาะครอบครัวพี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พี่ไปยืนอยู่ที่ร้านเพชร ร้านนึงเป็นร้านเครื่องประดับลิเก แล้วมีผู้ชายคนนึงขี่มอเตอร์ไซค์มามองหน้าพี่ แล้วส่งกระดาษมานามบัตร พี่ก็รับมา แต่ก็แว๊บขึ้นมา เขาคิดว่าเราเป็นผู้หญิงหาเงินหรือเปล่า จนกระทั่งกลับมาบ้าน เอานามบัตรมาดู มันเป็นโลโก้เพชร นอกนั้นเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย เราเลยลองโทรดีกว่า ก็โทรไปเป็นผู้หญิงรับ บอกว่าที่นี่เป็นบริษัทนำเข้าเพชรจากต่างประเทศ มีเพชรทุกอย่างที่คุณอยากได้ พี่ถามเลย มีเพชรลิเกไหม เขาบอกว่าเพชรลิเกเป็นยังไงหนูไม่รู้จัก เราก็ถามว่าออฟฟิศอยู่ไหน เขาบอกอยู่ตรงวงเวียนใหญ่ พี่ทิ้งระยะไว้สักสอง ถามวันพี่ก็ไป โทรไปอีกทีเป็นผู้ชายรับ พูดไทยไม่ชัด พี่ก็เอาจนได้ ในห้างก็บอกว่ามายังไง คือพี่ต้องการเพชรเพื่อจะเอามาขาย ก็ถามว่ามีเยอะขนาดไหน ราคาเท่าไหร่ พอรู้ราคาปุ๊บ มันถูกกว่าที่เขาขายกันอยู่ พี่เลยบอกพี่ขอซื้อ แต่เงินในกระเป๋าพี่มี 2,000 -2,200 ประมาณนี้ พี่ก็เลยขอซื้อ 2,000 แล้วอีก 200 ติดกระเป๋าไว้ เขาหัวเราะ เขาบอก 2,000 มันนิดเดียวคุณเอาไปขายมันไม่คุ้ม ทั้งถุงนี้มัน 20,000 กว่าบาท เราบอกไม่มีเงิน เขาก็บอกว่าเอาไปเลย ผมเห็นหน้าคุณ หน้าคุณไม่ใช่คนขี้โกง พี่ยกมือไหว้เขาบอกว่าไม่เกิน 1 อาทิตย์จะรีบเอาเงินมาให้ พอกลับไปถึงพี่ขายหมดในวันเดียว พี่ทำเพชรอยู่ตรงนั้น 1 ปี พี่ถอยรถป้ายแดงได้เลย เป็นเงินดาวน์ออกมา ตอนนี้เริ่มทำงาน ให้คนที่บ้านมาดูแลลูก 2 คน บางมุมลูกยังจำไม่ได้เลยว่าพี่ไปขายเพชร



คุณแม่ประคบประหงมเรายังไงบ้าง ?
คิม : มาก แม่จะห่วงเรื่องความสวย ความงามของหนูกับพี่หยกมาก

หยก : เขาไม่สปอยล์ แต่เรื่องอะไรที่เขาตามใจ เขาก็ตามใจ อย่างเรื่องจะไปเที่ยว ไปไหน เขาก็ไม่ค่อยห้าม เราต้องดูแลตัวเอง

ถือว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกในทุกๆ ด้าน เรามีความรู้สึกลึกๆ ในใจไหมว่าเรารู้สึกขาด ?
คิม : หนูรู้สึกว่าแม่ทำให้ครบทุกอย่าง ไม่เคยรู้สึกว่าขาดเลย อาจจะมีบ้างตอนเด็กๆ ที่แบบป๊าไปไหน อาจจะเป็นเพราะหนูเกิดไม่ทันป๊าขนาดนั่น ก็เลยไม่รู้สึกว่าขาด

หยก : มันเป็นตอนเด็กๆ โอเคป๊าไม่ได้รักแม่ ไม่ได้รักกันแล้ว เขาไม่อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร หนูก็เฉยๆ แต่จะมีครั้งนึงที่นอนด้วยกัน อยู่ดีๆ คิมเขาพูดขึ้นมาว่าหนูอยากให้ป๊ามานอนด้วย เขาถามว่าตอนเด็กป๊าเคยมานอนด้วยไหม พี่ก็บอกว่าเคย ตอนนี้หนูเริ่มโตแล้ว หนูอยากให้ป๊ามานอนด้วยได้ไหม เราก็บอกได้ พี่โทรเลย ก็คุยเปิดโฟนเลย ป๊าบอกป๊าทำงานเขาก็ถามว่าป๊ารักแม่ไหม เขาก็ไม่ตอบ เขาก็จะไปอย่างอื่น ทีนี้ป๊าก็วางสาย เขาก็ร้องไห้ ในความคิดพี่ พี่คิดว่าเขาคิดว่าพี่ต้องเสียใจ ที่ต่อสายให้แล้วป๊าพูดว่าไม่รักแล้ว ไม่สนใจแล้ว ก็กอดกันร้องไห้ เขาก็บอกว่าเขาจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว เขาจะไม่โทรหาป๊าแล้ว ตั้งแต่นั้นไม่พูดถึงป๊าเลย



ทุกวันนี้ยังมีการติดต่อกันอยู่ไหม ?
หยก : คุยตลอด เขาคือพ่อเรา เราจะแบบไม่รักเขาไม่ได้

ส้มเช้ง : พี่บอกเลยยังไงก็แล้วแต่ วันพ่อ วันเกิดป๊าเขา ต้องโทรไปอวยพรนะ

มันมีเหตุการณ์นึงที่ป๊ามารับเราไปเที่ยว แล้วภรรยาใหม่บอกว่าเราไม่ใช่ลูกป๊า ?
หยก : เขาก็ไม่ได้พูดไม่ดี ไม่ได้พูดแรงๆ ใส่ว่าไม่ใช่ลูกป๊าเลย แต่เขามาพูดกับหนู หนูจำไม่ได้ว่าเขาพูดว่าอะไร แต่หนูมาพูดกับแม่ว่า เขาบอกหนูว่าป๊าเป็นมะเร็ง ป๊ามีลูกไม่ได้หรอก หนูเป็นลูกแม่คนเดียวหรือเปล่า

ส้มเช้ง : ที่พี่ฟังตอนนั้น พี่เข้าใจว่า เขาบอกน่าจะพูดว่าป๊าเป็นหมัน ไม่สามารถมีลูกได้ คุณสองคนเป็นลูกแม่คนเดียว คุณไม่ได้มีเขาเป็นป๊านะ

เวลาเราเจอสถานการณ์แบบนี้เรามีวิธีสอนลูกยังไง ?
ส้มเช้ง : จริงๆ พี่สอนลูกน้อยมากเลย แต่ว่าที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะการกระทำ อย่างพี่ดูแลแม่ ทุกสงกรานต์พี่อาบน้ำให้แม่ ดูแล เอาใจใส่แม่ทุกอย่าง พี่ทำให้เห็น



หลังจากนั้นพี่ส้มท้าไปตรวจ DNA ด้วย ?
ส้มเช้ง : พี่ก็ปรี๊ดไง คือรับลูกไปเราไม่ว่าหรอก คุณต้องดูแลคนของคุณ ทำไมมาทำร้ายลูกเราแบบนี้ พี่ก็โทรเลย เอางี้ไหม ตรวจ DNA ไหม ทำไมพูดแบบนี้ เขาก็บอกว่าคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ของผม พี่ก็ปรี๊ดเลย บอกว่าว่างเมื่อไหร่ไปตรวจ DNA พี่ยันคำนี้มาตลอดเวลาก็เงียบ

เราอยากจะบอกอะไรกับแม่ ?
คิม : หนูรักแม่นะคะ

หยก : เพิ่งบอกเมื่อวาน อยู่ 100 ปีนะ ไม่ๆ 99 เลขสวย ไม่ต้องรีบ อยู่กับหนูนานๆ

แม่ส้มอยากจะบอกอะไรลูกๆ ?
ส้มเช้ง : เขารู้อยู่แก่ใจทั้งสองคน ภูมิใจที่เขาเป็นเด็กน่ารัก ยิ่งตอนนี้เขาช่วยแม่ทำมาหากินได้ ภูมิใจที่มีลูกสาวน่ารัก และไม่ดื้อ พี่เลี้ยงลูกมา พี่ไม่เคยเสียน้ำตาเพราะลูกเลย

จะอนุญาตให้ลูกมีแฟนตอนอายุ 30 ?
ส้มเช้ง : ใช่ค่ะ

ตอนนี้อายุเท่าไหร่กัน ?
หยก : 23 ค่ะ ใกล้ได้มีแล้ว

คิม : 21 ค่ะ

ทำไมถึงต้อง 30 ?
ส้มเช้ง : คือพี่อยากเอาประสบการณ์ของพี่มาสอนลูก พี่คิดว่าผู้หญิงสมัยนี้แต่งงานช้า 30 กำลังดีเลย พี่แต่งงานช้า เพื่อนพี่ 17-18 มีผัวหมดแล้ว พี่เลยตั้งเป้าว่าลูกฉันต้องมีแฟนตอนอายุ 30 แล้วแต่งงานตอน 33 ประมาณนี้

คือมาจากประสบการณ์ในชีวิตของเรา ?
ส้มเช้ง : ถูกต้อง คือพี่ห่างกับแฟนแฟนแก่กว่า 10 ปี ก็ยังเจอแบบนี้ ก็เลยบอกว่าถ้ามีใครก็ศึกษากันนานๆ รู้แจ้ง เห็นจริงก่อนแล้วค่อยแต่ง



แล้วพี่ส้มไม่อยากอุ้มหลานเหรอ ?
ส้มเช้ง : ยังไม่อยากอุ้ม

อย่างนี้เขาเรียกว่าห่วงขนาดหนัก ?
ส้มเช้ง : ไม่นะ

คิม : คือไม่ได้พามาแนะนำว่าแม่คนนี้แฟนหนูนะ แต่เขาก็รับรู้ตลอด

แต่ทั้งคู่มีอะไรก็จะเล่าให้แม่ฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว ?
หยก : ใช่ค่ะ คือเราต้องรู้หลบเป็นหลีก คือถ้าใช้คำว่าแฟนเลยไม่ได้ คู่หู เพื่อนสนิท เปลี่ยนคำเอา

พี่ส้มเห็นบอกว่าจะอำลาวงการบันเทิง อันนี้ข่าวจริงไหม ?
ส้มเช้ง : ปีหน้าพี่หมดสัญญากับเวิร์คพอยท์แล้ว พี่ก็คืดว่ามันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พี่อาจจะมีรับเล่นละครบ้าง แต่ว่าอยากเป็นฟรีแลนซ์ อยากดูแลลูก อยากทำยูทูบ อยากเป็นยูทูบเบอร์ตอนแก่



คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง ส้มเช้ง ชะชะช่า