เพิ่งจะควงแขนเข้าประตูวิวาห์ไปหมาดๆแต่ต้องพบกับปัญหาจากเพื่อนซี้ที่ไว้ใจโกงเงินค่าออแกไนซ์ในงานแต่งงานที่จัดฉลองที่ประเทศลาว ล่าสุดสองสามีภรรยา"ฟลุ๊ค-จิระ ด่านบวรเกียรติ" กับ"แอปเปิ้ล-สีสะเหงียน สีหาราช" ได้มาร่วมงานชมแฟชั่นโชว์จากแบรนด์ "Made of Fabric คอลเลคชั่นออทั่ม/วินเทอร์ 2017-18" โดยทั้งสองได้เผยถึงเรื่องปัญหาภายในของฝ่ายอีเว้นท์ในงานแต่งงานว่า
ฟลุ๊ค : ปัญหามันเกิดขึ้นจากออแกนไนซ์เซอร์ที่เราใช้ที่ลาวเขาไม่ทำตามแบบและความเสียหายเป็นจำนวนเงินประมาณ8แสนกว่าบาท แล้วก็เงินที่เรามัดจำไปแล้วก็ยังไม่ถึง ทั้งค่ามัดจำโรงแรม ค่านักดนตรีทุกอย่างยังไม่ถึงเลย เราไปรู้วันงานก็รู้สึกว่าไม่รู้จะทำยังไง ทั้งโกรธด้วยโมโหด้วยแล้วก็หลายสิ่งหลายอย่างเข้ามา เรารู้ตอนนั้นมันแค่ประมาณ4ชั่วโมงก่อนงาน
เปิ้ล : สุดๆแล้ววันนั้นคือเปิ้ลตั้งใจมากกับงานที่ลาว เพราะว่างานที่ไทยมันจบไปได้ด้วยดีทั้งงานเช้างานเย็น หลายๆคนอาจจะเห็นว่าทุกอย่างมันเพอร์เฟคออกมาตามที่เราฝันหมดเลยและทีนี้ไปงานที่ลาวเปิ้ลก็ตั้งใจอยากจะให้ทุกคนเห็น เปิ้ลเชื่อว่าคนไทยหลายๆคนไม่เคยเห็นงานแต่งที่ลาว
เขาได้บอกเหตุผลกับเราไหม?
เปิ้ล : เขาบอกขอโทษอย่างเดียว และก็บอกว่าเขาผิดพลาดการสื่อสารกับโรงแรม เราก็เลยรู้สึกว่ามันแค่ผิดพลาดทางการสื่อสารมันไม่ได้ เพราะเราตั้งใจไว้ว่าเราอยากจะได้ทุกๆซีนเป็นยังไง เราคุยกันมาประมาณ6-7เดือนแล้วก็มัดจำไปค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งอันนั้นยังไม่หมดที่เรายังต้องจ่ายในวันงานอีก
แจ้งความหรือยัง?
ฟลุ๊ค : วันงานก็เจอตัวเขานะและก็ได้พูดคุย เขาก็ตื่นเต้นและตกใจงานมันออกมาไม่ได้ แต่ก็ยอมรับผิดทุกอย่างก็บอกจะรับผิดชอบ แต่ว่าคืนวันแต่งงานอีกวันที่เปิ้ลกับผมตัดสินใจไลฟ์เพราะว่า ผมติดต่อเขาไม่ได้ทั้งคืน มันเป็นความรู้สึกว่าเหมือนเขาหายไปเราก็เลยไม่รู้จะทำไง กลัวทั้งไม่ได้เงิน กลัวทั้งหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น อยากให้เขารับผิดชอบอะไรบ้างก็เลยไลฟ์ขึ้นมา ตอนนี้ก็ติดต่อพูดคุยกันได้แล้ว
เขาติดต่อมาว่ายังไงบ้าง?
เปิ้ล : มันผ่านมาประมาณสัปดาห์นึงแล้ว เขาก็พูดทุกวันว่าเขาจะคืนเงินให้ทั้งส่วนของเปิ้ลและส่วนของโรงแรม เปิ้ลเพิ่งได้เงินไปแค่ 32,000 บาท ของโรงแรมทั้งหมด 500,000 กว่าบาท เปิ้ลก็ต้องเอาเงินตัวเองจ่ายทันทีวันนั้นด้วย ตอนนี้ก็เสียไปประมาณเป็นล้านแล้ว
จะฟ้องร้องเอาเรื่องเลยไหม?
เปิ้ล : ตอนนี้ดำเนินคดีแล้ว คือผ่านมาสัปดาห์นึง เขาบอกเขาจะคืนเงิน เขาจะชดใช้ แต่ก็เลื่อนทุกวันจนเปิ้ลทำอะไรไม่ได้ ก็ยังไม่ดำเนินคดีเพราะเป็นเพื่อนกันรู้จักกันอยู่แล้วตั้งแต่เด็กค่ะ แต่ตอนนี้แจ้งความแล้วที่ลาว เพราะว่าตอนแรกที่เปิ้ลไม่แจ้งความแล้วเขาก็เลื่อนทุกวันๆ เขาก็พูดแต่ว่าขอความเห็นใจ เขาบอกว่าจะรับผิดชอบแต่เขาไม่มีตังค์ ก็โอเคเปิ้ลก็ให้เดทไลน์เขา ให้เขาจ่ายโรงแรมก่อน ไม่ต้องจ่ายเปิ้ลกับฟลุคก็ได้ เขาก็เลื่อนอีกจนสุดท้ายต้องแจ้งความ ตอนนี้ก็ให้เจ้าหน้าที่ดูแล
ฟลุ๊ค : ตอนนี้ถึงตอนที่ว่าเขาโพสท์เช็คมาแล้วและสารภาพว่าเขาไม่ได้พูดจริงกับเราตั้งแต่ต้น ก็มีปั๊มรอยนิ้วมือแล้วก็เซ็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่เรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่ว่าวันที่นัดมาจ่ายเงินก็ให้เขาโพสต์เช็คมา ถ้าเกิดเงินไม่เข้าก็เข้าคุกเลย
ถ้าวันนั้นไม่เป็นตามที่เขาตกลง?
เปิ้ล : ก็ติดคุกเลย เรามีสิทธิ์เหมือนกับจะยึดทรัพย์ได้เพราะเราไม่ผิดเลย แต่ว่าในส่วนนี้ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการทั้งหมด เพราะตอนแรกเราพยายามจัดการเอง ทวงเอง โพสต์เฟสบุ๊คบ้าง ไลฟ์บ้างให้สังคมกดดันเขามันก็ช่วยไม่ได้ เปิ้ลก็ไม่คุยแล้ว
ได้ทำสัญญาก่อนจะมีงานแต่งไหม?
ฟลุ๊ค : ไม่ได้ทำ มีแค่ใบเสร็จรับเงิน ทุกครั้งที่ผมจ่ายเขาก็ส่งใบเสร็จรับเงินมาตลอด แล้วก็บอกว่าเหลือเท่าไหร่ ซึ่งมันเป็นหลักฐานเดียวที่เราได้พูดคุยกันในไลน์ แต่สัญญาว่าต้องทำตามแบบไม่มี
เปิ้ล : จริงๆ เราผิดที่เราไม่มีสัญญา ก็ยอมรับว่าเราผิดตรงนั้น แต่ว่าในความเป็นจริงถ้าทุกคนเห็นรูปก็จะรู้แล้วว่ามันเทียบกับราคาที่เขาโพสต์ให้เรามาไม่ได้เลย แล้วพอไปถามทุกคนก็ไม่มีใครได้เงินเลย เราก็รู้สึกแย่มากเลย
ตัดเพื่อนกับเขาเลยใช่ไหมคนนี้ไปเลยไหม?
เปิ้ล : ตัดเลยค่ะ ซึ่งจริงๆ ล่าสุดเขาก็ยังเหมือนต่อว่าเปิ้ลอยู่เลย ซึ่งเขาพูดว่าอยากทำไรก็ทำ เราก็โอเคได้
ก่อนหน้านี้เคยมีคนเตือนไหม?
ฟลุ๊ค : ก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มีใครมาบอกชัดเจนว่าคนนี้เขาโกง บอกแค่ว่าคนนี้เขาไม่เคยทำงานแต่งนะแค่นี้ แต่เราเคยเห็นว่าเขาเคยทำงานใหญ่ที่ลาว คอนเสิร์ตใหญ่ ศิลปินที่ไทยไปเบอร์ใหญ่ๆ เขาก็เป็นคนทำ เราก็รู้สึกว่าเรามั่นใจแล้วก็อยากให้เขาได้เข้ามาอยู่ในธุรกิจนี้อย่างที่เขาหวัง
พอจะมีหวังไหมที่จะได้เงินคืน?
ฟลุ๊ค : ไม่แน่ใจแต่คิดว่าเขาโพสต์เช็คแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่ถ้าเช็คเด้งก็คงเป็นเรื่องใหญ่
เปิ้ล : ก็สบายใจแล้ว หลักๆ เปิ้ลกับพี่ฟลุ๊คคุยกันว่าเราแทบไม่ได้โฟกัสเรื่องเงิน เราโฟกัสเรื่องที่อย่าไปทำแบบนี้กับใคร อยากให้เป็นบทเรียนกับเขา จริงๆ งานแต่งมันผ่านมาได้ด้วยดีแล้ว เราก็ให้อภัยเขาได้ เงินที่เราเรียกร้องไปไม่ใช่ค่าเสียหาย เป็นเพียงแค่เงินที่เป็นของเราอยู่แล้ว เราไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายเลยสักบาท ขอแค่เขาคืนเงินตรงนี้มาทุกอย่างก็จบ แล้วก็เป็นบทเรียนกับเขาแค่นี้ก็พอแล้ว