รัฐบาลสหรัฐประกาศระงับความเกี่ยวพัน ทางการค้าและการลงทุนกับเมียนมา ตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2556 จนกว่าเมียนมาจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นางสาว แคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ จากกรุงวอชิงตัน เมื่อวันจันทร์ ว่า รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนประชาชนชาวพม่า (ใช้คำว่า Burma แทนที่จะเป็น Myanmar-เมียนมา) ในความพยายามรื้อฟื้น รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย) และขอประณามกองกำลังความมั่นคงพม่าอย่างรุนแรง ที่ใช้ความรุนแรงโหดร้ายต่อพลเรือน การสังหารผู้ประท้วงโดยสันติ รวมทั้งนักศึกษา คนงาน ผู้นำแรงงาน แพทย์พยาบาล และเด็ก สะเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วโลก
แถลงการณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลสหรัฐจะระงับความเกี่ยวพันกับพม่า ภายใต้ข้อตกลงการค้าและการลงทุน เมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยให้มีผลในทันที และความเกี่ยวพันจะกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อพม่ามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
การประกาศของ น.ส.ไท่ เมื่อวันจันทร์ จะไม่หยุดยั้งการค้าขาย ระหว่าง 2 ประเทศ แต่สหรัฐได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเมียนมาก่อนหน้านี้ เพื่อตอบสนองต่อการยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ของกองทัพเมียนมา
นอกเหนือจากการระงับความเกี่ยวพันดังกล่าวแล้ว ไท่กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ ที่สหรัฐจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ( จีเอสพี ) ที่เอื้อประโยชน์ต่อสินค้าส่งออกจากพม่าหลายชนิด เนื่องจากรัฐบาลทหารในกรุงเนปิดอว์กดขี่ข่มเหงด้านสิทธิมนุษยชนต่อชาวพม่า ในระดับร้ายแรง
ทางด้าน นาง เจน พีซากี โฆษกประจำทำเนียบขาวสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐยังได้กำหนดมาตรการ ควบคุมสินค้าส่งออกจากพม่า และเพิ่มธุรกิจของชาวพม่าอีกหลายบริษัท เข้าในบัญชีดำคว่ำบาตร
มูลค่าการค้า 2 ทาง ระหว่างสหรัฐกับพม่า ไม่สูงมากนัก ปีที่แล้วพม่าเป็นประเทศหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับที่ 84 ของสหรัฐ โดยสหรัฐส่งออกสินค้าไปยังพม่า รวมมูลค่าเพียงแค่ 338 ล้านดอลลาร์ (10,530 ล้านบาท) และนำเข้าสินค้าจากพม่า รวมมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (31,290 ล้านบาท).