อาจารย์มหาวิทยาลัยร้อง "ชวน" สอบจริยธรรม ส.ส. ทำร้ายร่างกาย

2021-03-30 12:45:44

อาจารย์มหาวิทยาลัยร้อง "ชวน"  สอบจริยธรรม  ส.ส. ทำร้ายร่างกาย

Advertisement

อาจารย์มหาวิทยาลัยร้อง "ชวน"  สอบจริยธรรม  ส.ส. ทำร้ายร่างกาย   ขอความเป็นธรรม  “บิ๊กป้อม” ยันไม่เคยมีความขัดแย้งส่วนตัว  หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม  เหตุไร้หลักฐานกล้องวงจรปิด

งวดนี้ออกแน่ “หนูเล็ก” ได้ฤกษ์ทำบุญบ้าน แถมใจดีใบ้เลขเด็ด ไม่กั๊กเลขที่บ้าน

เปิดแฟ้มประวัติแจ่มว้าว "ตงตง เดอะสตาร์" ดาวดวงนี้มีอะไรเด็ดดวง

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่รัฐสภา นายนพพร ขุนค้า อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา เข้ายื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทาง น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส. ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีถูกทำร้ายร่างกายที่ร้านอาหาร 13 november เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดว่าด้วย “ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ พ.ศ.2563” หมวด 2 จริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ

นายนพพร กล่าวว่ามาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม การกระทำของส.ส.ที่เห็นว่าเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ให้รู้ว่าบ้านเมืองนี้มีขื่อมีแป อยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนในฐานะผู้ถูกทำร้ายร่างกาย และเพื่อสร้างความกระจ่างและรักษาเกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎรในสายตาของประชาชน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมในวงกว้าง ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่ามีหลักฐานอย่างเพียงพอ

ด้าน น.ส.ผ่องศรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายชวนให้มาเป็นผู้รับเรื่อง โดยหนังสือฉบับนี้จะได้ลงรับและไปดำเนินการตามขั้นตอนของคณะกรรมการจริยธรรม โดยจะมีการตรวจสอบข้อมูลทั้งผู้ร้องว่ามีเอกสารตามระเบียบถูกต้องหรือไม่ นอกจากนั้นจะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการกลั่นกลองข้อมูล แลเข้าสู่การพิจารณาอนุกรรมการ ซึ่งจะมีการตรวจสอบข้อมูลโดยเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูล เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เมื่อผ่านอนุกรรมการก็จะส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง หากคณะกรรมการรับเรื่องแล้วจะดำเนินการภายใน 60 วัน นับจากวันที่ทางคณะกรรมการรับเรื่อง ซึ่งทางสภาจะตรวจสอบด้วยความถูกต้องและความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

จากนั้นนายนพพร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการยื่นหนังสือว่ายังมีอาการเจ็บที่หน้าอกจากการถูกถีบอยู่ ขอยืนยันไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายชัยวัฒน์ ทุกคนไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องนายชัยวัฒน์ ตนเจอก็ยกมือสวัสดีเพราะเป็นผู้ใหญ่ของจังหวัด ในวันเกิดเหตุไปเจอนายชัยวัฒน์ที่ร้านอาหาร ขณะนั้นกำลังไปห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน นายชัยวัฒน์เรียกตนไปถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ฉะเชิงเทรา ที่ผ่านมาว่า ได้ไปช่วยหาเสียงให้ จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่เป็นคู่แข่งพ่อของนายชัยวัฒน์ ใช่หรือไม่ ซึ่งตนยอมรับว่า ได้คิดนโยบายหาเสียงให้ แต่ไม่ได้ช่วยหาเสียงเพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไปช่วยใครหาเสียงไม่ได้ แต่การเมืองผ่านไปแล้ว ต้องยอมรับความเห็นต่าง ในวันเกิดเหตุ ตนต้องใช้สติให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไป โดยไม่มีการตอบโต้ๆใด มีแต่พูดว่า “พี่ครับๆให้ฟังผมก่อน” ถึงจะผ่านพ้นมาได้ แต่สภาพจิตใจยังเป็นกังวล เพราะตนเป็นอาจารย์ตัวเล็กๆในจังหวัด เป็นคนต่างถิ่นมาสอบบรรจุได้ที่จ.ฉะเชิงเทรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องการถูกทำร้ายซ้ำอีกหรือไม่ หลังจากออกมาให้ข่าว มีการถูกข่มขู่จากฝ่ายคู่กรณีอีกหรือไม่ นายนพพร กล่าวว่า ยังไม่มี แต่มีคนเป็นห่วง เชื่อว่าบ้านเมืองมีขื่อแปร จะทำกันแบบไม่เคารพกฎหมายคงอยู่กันไม่ได้ เชื่อว่า กฎหมายบ้านเมืองยังใช้ได้ ส่วนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรในร้านอาหารที่เกิดเหตุนั้น ได้รับทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทราว่า ข้อมูลไม่เหลือแล้ว เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ถูกถอดออกไป เหลือแต่ตัวกล้อง คงต้องใช้พยานบุคคล เหตุการณ์ขณะนั้นร้านใกล้ปิด เปิดไฟสว่างชัดเจน คนทั้งร้านมอง แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะนายชัยวัฒน์เป็นผู้ใหญ่ในจังหวัด ไม่มีใครกล้ามาห้ามปราม ต้องใช้พยานบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกคนที่เห็นเหตุการณ์ไปสอบแล้ว รวมถึงตนด้วย และเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ตนและนายกสมาคมทนายความไปสอบถาม ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด ทางผกก.ยืนยันว่า ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด อาจหาไม่เจอ ต้องใช้พยานบุคคลยืนยัน

เมื่อถามว่า มองหรือไม่ข้อมูลที่จากกล้องที่หายไป อาจไปเชื่อมโยงกับคู่กรณีหรือไม่ นายนพพร กล่าวว่า ไม่กล้าปรักปรำ แต่เป็นสิ่งที่ตั้งข้อสงสัยคือ เรื่องความปลอดภัยสาธารณะในร้านอาหาร ต้องตั้งคำถามว่า ชาวฉะเชิงเทรายังมีความปลอดภัยหรือไม่ ร้านที่เกิดเหตุมีกล้องทุกมุม ตนไปประจำ คิดว่า ถ้าบริเวณห้องน้ำมีกล้องอยู่จะได้ภาพชัดเจน เพราะเป็นจุดเกิดเหตุ ครั้งนี้ยอมรับว่ากังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะนายชัยวัฒน์ เป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กลัวว่า คดีจะล่าช้า อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุนายชัยวัฒน์ยังไม่มีการติดต่อใดๆมา ตนไม่ได้อาฆาตมาดร้าย แต่ต้องทำในฐานะประชาชนคนหนึ่ง หากถูกคุกคามแล้วไม่กล้ามาร้องทุกข์ก็คิดว่า บ้านเมืองคงอยู่กันลำบาก ต้องมาร้องเรียน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งส่วนตัว นายนพพร กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวต้องมีความขัดแย้งทะเลาะกันมาก่อน แต่เหตุการณ์นี้คนไม่รู้จักกัน นายชัยวัฒน์ก็ไม่รู้จักกับตน เคยเจอกันตามงานบุญ งานบวช แต่อยู่คนละโต๊ะ ไม่เคยต่อว่าต่อเถียงอะไรกัน แต่ยอมรับลูกศิษย์ตนอยู่ฝั่งนายชัยวัฒน์เป็นจำนวนมาก เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงพล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายชัยพรตอบว่า กราบเรียนพล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายนพพร กล่าวว่า ต้องขอความเป็นธรรม จริงๆ ตนไม่ได้ไประรานนายชัยวัฒน์จนทำให้โมโห แต่อยู่ดีๆก็เกิดเหตุไม่คาดคิดถึง ถือว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตเลย หากพล.อ.ประวิตร ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่ควรแสดงความคิดเห็นดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้ว นายนพพรได้เปิดเสื้อโชว์บาดแผลที่หน้าอก ที่ยังมีรอยแดงอยู่ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยระบุว่า รอยที่เกิดไม่ได้เกิดจากพระที่คล้องคอ แต่โดนถีบที่หน้าห้องน้ำ ร้านอาหาร 4-5ครั้ง ขณะนี้อาการยังเจ็บอยู่ เวลาตะโกนสอนหนังสือก็ยังเจ็บอยู่ แต่ที่ชัดเจนคือ แผลบริเวณใบหน้าที่ถูกชก มีปัญหาตอนเคี้ยวอาหาร เหมือนช้ำใน