คุณยายโคราชทุกข์หนักอยู่ดีๆ กลายเป็นเจ้าของบริษัท อดได้สิทธิรับเงินเยียวยา

2021-03-25 14:10:12

คุณยายโคราชทุกข์หนักอยู่ดีๆ กลายเป็นเจ้าของบริษัท อดได้สิทธิรับเงินเยียวยา

Advertisement

คุณยายโคราชทุกข์หนักอยู่ดีๆกลายเป็นเจ้าของบริษัทโดยไม่รู้ตัวถูกเอาชื่อไปใช้เสียภาษีนับล้านบาทต่อปี ทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆจากการเยียวยาโควิดทั้งที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป

วันที่ 25 มี.ค.64  ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางศิรินภา พานเหนือ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 11 ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้นำเอกสารการเสียภาษีของบริษัทแห่งหนึ่งเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย หลังจากถูกนำชื่อไปใช้ในการเสียภาษีประจำปีของบริษัทแห่งหนึ่ง จำนวนเงินปีละ 1,028,640 บาท เป็นระยะเวลา 8 ปี ทำให้ตนเองไม่ได้รับสิทธิประโยชน์การเยียวยาช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของบริษัทประกอบธุรกิจ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเกินกว่าที่กำหนด ทั้งๆที่ตนเองเป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่ง มีอาชีพรับจ้างทั่วไปเท่านั้น

โดย นางศิรินภา บอกว่า เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ตนเองเคยไปทำงานเป็นแม่บ้านบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ในช่วงที่ตนเองสมัครเป็นแม่บ้านของบริษัทแห่งนั้น ตนเองได้ยื่นเอกสาร สำเนาทะเบียน บัตรประชาชน ไว้ตามระเบียบของบริษัท ต่อมาสามีป่วยไม่สบายจึงได้ลาออกมารับจ้างทำงานอยู่บ้าน ในช่วงที่ผ่านมาทางภาครัฐได้มีการมอบเงินเยียวยาประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในโครงการ เราชนะ โครงการคนละครึ่ง และ โครงการต่างๆของทางรัฐบาล ตนเองได้สมัครเข้ารับสิทธิ์ประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ์จึงตรวจสอบทางระบบตรวจพบว่า ตนเองเป็นเจ้าของบริษัทประกอบธุรกิจมีการเสียภาษีปีละกว่า 1 ล้านบาท โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทได้อย่างไรทั้งที่อยู่ที่บ้าน




จากนั้นจึงได้นำเอกสารต่างๆเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพิมาย เพื่อขอให้ช่วยเหลือตนเอง เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาชื่อไปใช้ในการเสียภาษีของบริษัท และ อยากให้บริษัทที่เอาชื่อของตนเองไปใช้ในการเสียภาษี ออกมาแสดงความรับผิดชอบตนเองด้วย

หลังจากนี้ตนเองจะได้นำเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดบริษัทที่เอาชื่อของตนเองไปใช้ในการเสียภาษีส่งผลให้ตนไม่ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือจากทางภาครัฐและเกรงว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับบริษัทดังกล่าวจะส่งผลให้ตนได้รับผลกระทบตามมาด้วยจึงต้องเข้าแจ้งความเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานไว้ก่อน