มงคลชีวิตสูงสุด "ก้อย" ปลื้มปิติรับของพระราชทาน

2017-11-17 12:15:19

มงคลชีวิตสูงสุด "ก้อย" ปลื้มปิติรับของพระราชทาน

Advertisement


สร้างปรากฎการณ์รวมความรักความสามัคคีได้อย่างยิ่งใหญ่ในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ11โรงพยาบาลทั่วประเทศ สำหรับคู่รักอย่างนางฟ้า "ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ" ที่คอยวิ่งและเป็นกำลังใจให้กับ "ตูน บอดี้สแลม" มาตลอดระยะทาง  ล่าสุดสาวก้อยมาออกงาน Let's Stay ถอดหน้ากาก เปิดหน้าเป๊ะกับกิฟฟารีน สเตย์-ซี 50 พลัส เบตากลูแคน แอนด์ ไฮยาลูรอน เฟเชียล มาสก์ ชีต เจ้าตัวได้เผยถึงเรื่องราวต่างๆขณะร่วมกิจกรรมที่หลายคนชื่นชมในการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด 15 วันที่ผ่านมา มันเกินจากที่เราคิดกันไว้เยอะมาก คือเราไม่ได้มีภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เราเคยผ่านตอนที่เราวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปบางสะพาน เราก็พอจะรู้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เตรียมตัวและรับมือยังไงแต่ครั้งนี้มันเกินที่เราคิดไว้ทุกอย่าง มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนๆหนึ่งจะได้เจอ



รัชกาลที่ 10 ทรงเมตตาพระราชทานของเพื่อเป็นกำลังใจตูนและทีมงาน?
(ยกมือไหว้) ถือเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตของทุกคนในทีมงานก้าวคนละก้าวทั้งตัวพี่ตูน ก้อย และครอบครัวของพี่ตูน และทีมงานทุกคน ซึ่งพระองค์ท่านทรงให้ราชเลขานุการ ตัวแทนพระองค์ มีกระแสรับสั่งว่า สิ่งที่พวกเราได้ทำอยู่ในพระเนตรพระกรรณตลอดเวลา ทรงรับรู้และแสดงความห่วงใย รวมทั้งความอวยพรว่าให้พี่ตูนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ซึ่งก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจมากและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้





แต่ละวันที่เราวิ่งเราได้เห็นอะไรบ้าง
มันเป็นรอยยิ้มและความสุขระหว่างสองข้างทาง ซึ่งมันประเมินค่าเป็นเงินไม่ได้เลย มันดีมากจริงๆ

พี่ตูนเหนื่อยขนาดไหน?
คือมันต้องมีบ้างเพราะเราใช้ร่างกาย ในการทำสิ่งนี้เราไม่มีต้นทุนอะไรเลยนอกจากร่างกายของตัวเอง ฉะนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจะรักษาตัวเองไว้ให้ได้ เพราะทุกวันที่เขาไปเจอคน เราเหนื่อยแต่เราเห็นรอยยิ้มของทุกคนข้างทาง เห็นเด็กตัวน้อยๆ คุณยาย พี่ๆ ทุกคน ก็เป็นเหมือนพลังงานที่ดีมาก ที่ทำให้เรามีแรงขับเคลื่อนในแต่ละวัน



แต่ตอนนี้พี่ตูนเจ็บหนัก?
มันไม่ได้เป็นการเจ็บรุนแรงถึงขั้นวิ่งต่อไม่ได้ คนวิ่งมา 15 วัน วันละ 50 กว่ากิโล ก็มีบ้างที่ร่างกายจะเหนื่อยล้า อาจจะมีปวด ตึง กล้ามเนื้ออ่อนล้า แต่ไม่ใช่เกิดการฉีกขาดรุนแรงอะไร อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ ส่วนอาการตอนนี้คือพี่ตูนมีปวดตรงข้อเท้าบ้าง แต่ทุกวันที่พี่ตูนวิ่ง ในแต่ละเซตจะมีคุณหมอคอยทำกายภาพให้ตลอดและในวันที่หยุด ก็จะจัดกายภาพให้ชุดใหญ่เลย ดูแลรักษาให้ดีที่สุด รวมถึงเรื่องโภชนา ต้องดูแลครอบคลุมไปหมดทุกเรื่อง

มีบอกอย่าหักโหมบ้างไหมหรือให้หยุดก่อนไหม
ไม่เคยคิดถึงจุดนั้นเพราะเรารู้ว่า ตัวเขาเองรู้ลิมิตของตัวเอง ว่าตอนนี้ไหว ถ้าเจ็บก็บอกเจ็บ เขาไม่ได้ฝืนตัวเอง ตอนนี้ก้อยเชื่อว่า 15 วันที่ก้อยเห็น ใจเขาแข็งแรงมาก อาจจะแข็งแรงกว่าขาด้วยซ้ำไป แต่เขามีพลังในทุกวันที่ออกไป เราเชื่อว่าเขาไหวอยู่




แฟนๆหลายคนกลัวพี่ตูนจะน็อกระหว่างวิ่ง ?
ตัวก้อยเองคุยกับคุณหมอตลอดเรื่องแบบนี้ อย่างที่หลายคนเคยบอกว่า ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว บางทีใจเราแข็งแรงกว่ากายซึ่งกายอาจจะรับไม่ไหวโดยที่เราไม่รู้ตัว ทุกวันที่เขาวิ่งเสร็จจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด หาค่าต่างๆ เพื่อดูความสมดุลร่างกาย ฉะนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณหมอจะทราบทันทีและรักษาให้เร็วสุด

คุณหมอให้ระวังอะไรเป็นพิเศษบ้างไหม?
คงเป็นเรื่องของการวิ่งๆ หยุดๆ ถ้าเปรียบร่างกายเป็นรถ เราขับรถเคลื่อนไปแต่ต้องเบรกตลอดเวลา และเวลาที่ต้องสตาร์ทใหม่ก็ต้องเพิ่มความเร็ว มันก็อาจจะมีเสื่อมมาก เวลาขับในต่างจังหวัดรถเราก็ขับเรื่อยๆ มันไม่เปลืองน้ำมัน แต่เวลาขับในกรุงเทพที่รถติดๆ ก็อาจจะใช้น้ำมันเยอะหน่อย แต่ก้อยมองว่าการเติมน้ำมันของพี่ตูนคือการได้เจอผู้คนระหว่างทาง ก็คือเป็นน้ำมันที่ดีที่สุดที่จะเติมพลังให้เขาได้ค่ะ





ได้รับความร่วมมือขนาดไหนในการจัดระเบียบผู้คนระหว่างทาง?
ทุกคนให้ความร่วมมือ แต่คนไม่ให้ความร่วมมืออาจจะเป็นพี่ตูน เขาเป็นคนที่เต็มใจทำให้ทุกคน ต่อให้เราขอความร่วมมือจากประชาชน บางจังหวัดน่ารักมาก ทุกคนยืนรอรับเป็นแถว เรียงเดี่ยว ไม่พุ่งรุมเข้ามา แต่พี่ตูนเองอยากจะเข้าไปหาทุกคน เราห้ามเขาไม่ได้ ซึ่งก้อยเองก็ห้ามเขา เพราะก้อยเองก็ทำแบบเขา พอเรารู้ว่าเขาเจ็บ ก้อยเข้าไปช่วยรับบริจาคแทน เราวิ่งเห็นคุณยายก็ต้องวิ่งเข้าไปหาเหมือนกัน ก็เข้าใจความรู้สึกของเขา ถ้าปล่อยให้เขาวิ่งอย่างเดียว แล้วไม่แวะหรือไม่เข้าไปหาใครเลยมันจะเป็นการวิ่งที่แห้งแล้งมาก แต่ถ้าเขาทำแบบนี้ ไปตลอดสองเส้นทางนอกจากได้เงินที่ระดมทุนช่วย 11 โรงพยาบาลแล้ว มันยังสร้างความสุขและรอยยิ้มให้ผู้คนมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก


พี่ตูนกลายเป็นบุคคลคนสำคัญของคนทั้งประเทศแล้ว?
ก้อยรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงตั้งแต่ต้นเราสองคนยังคุยกันอยู่เลยว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร แต่ก้อยไม่แปลกใจที่ในวันนี้ทุกคนรักพี่ตูนมากเชื่อและศรัทธาในตัวเขาเพราะว่าในหลายๆสิ่ง ที่เขาทำให้เห็น ตลอดเวลาที่รู้จักกันเขาได้เปลี่ยนแปลงก้อยไปหลายอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แต่เขาทำให้เห็นและเราก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว


รับมือข่าวดราม่าไว้อย่างไร
ก้อยไม่ทราบว่าพี่ตูนรู้หรือเปล่าแต่เราไม่ได้มองตรงนั้นเป็นสาระสำคัญ เรามองว่าสิ่งที่เรากำลังทำเพื่อใคร เพื่ออะไรและเลือกที่จะทำมากกว่าที่จะพูด สังเกตว่าพี่ตูนก็ไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ ส่วนตัวก้อยเองก็รู้เท่าที่ได้เจอและรู้สึก แต่ในเรื่องที่นอกเหนือจากนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนเรื่องว่าพี่ตูนมองข้ามข่าวดราม่าไหม เขาคงอยากทำให้เห็นมากกว่าพูด ส่วนประเด็นที่พี่ตูนออกมาชี้แจงว่ามีการโค้ชคำพูดที่อ้างว่าเขาพูดนั้นไม่จริง ที่เขาชี้แจงลงในไอจี เขาก็คงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่ามันไม่ได้มาจากปากของเขาโดยตรง ตอนนี้เราก็ไม่ได้เจอพี่ๆ สื่อมวลชนสักเท่าไร มันก็เป็นช่องทางส่วนตัวที่เขาจะสามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้

พี่ตูนซีเรียสขนาดไหนกับเรื่องนี้?
คือเขาเป็นคนรักสุนัข ตอนที่ก้อยได้เห็นข้อความนี้ก็คิดว่ามันไม่น่าจะมาจากปากเขาพอเขาเห็นก็บอกว่าเขาไม่ได้พูด เลยใช้พื้นที่ส่วนตัวใน อินสตาแกรม ชี้แจงเรื่องนี้ไป

แฟนๆ ลุ้นว่าหลังจากวิ่งเสร็จครั้งนี้อาจมีข่าวดีงานวิวาห์เลย?
ไม่รู้ค่ะตอบไม่ได้เลยไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงๆ อยากจะโฟกัสสิ่งที่ทำตรงนี้ให้สำเร็จก่อนค่ะ(ยิ้ม)