"หมออ๋อง" ชี้ จนท.กระทำต่อผู้ชุมนุมอย่างไร้มาตรฐาน หวั่นไฟลามทุ่งซ้ำรอย 6 ตุลา 19 จี้ยอมรับข้อเสนอประชาชน เเสดงความจริงใจแก้ รธน.ลดระดับความรุนเเรงในสังคม
“แนท เกศริน” ลั่นแรงขายเซ็กซี่ไม่ได้ขายตัว หลังมีคนดราม่าชุดแซ่บ-เว้าสูงปรี๊ด
"หมูทะ"ชีวิตสุดหรูดุจคุณนาย วันนี้มีรถหรูป้ายแดงข้างกาย
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้เเทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองของการเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มผู้ชุมนุม นักศึกษา ที่เกิดเหตุจลาจลเเละมีความรุนเเรงเกิดขึ้นในการชุมนุมเเละการปราบปรามการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนมีความกังวลและข้องใจในการจัดการของเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติต่อผู้ชุมในการสลายการชุมนุมอย่างไม่มีลำดับเเละไร้มาตรฐาน มีการปล่อยข่าวปลอม เเละมีการใช้กระสุนยางในการสลายการชุมนุม โดยสิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือ ประชาชนที่มีการเเสดงตนว่าจงรักภักดีได้ใช้กำลังทำร้ายประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมอีกฝั่ง ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเเต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆหรือไม่มีการเเบ่งเเยกผู้ชุมนุม โดยปล่อยให้ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย ชุมนุมในที่เดียวกันทำให้มีความเสี่ยงต่อการให้เกิดความรุนเเรง ซึ่งหากย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์เหตุการณที่เกิดขึ้นอาจจะคล้ายกับกรณี 6 ต.ค. 2519 ที่มีการฆ่านักศึกษา นักเรียน
“สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เเต่เกิดขึ้นจากการที่เเกนนำกลุ่มคณะราษฎรถูกจับกุมด้วยกระบวนการยุติธรรมจากความผิดปกติ ไม่ได้เกิดโดยความบังเอิญจากการที่รัฐบาลคว่ำญัตติในการเเก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอเอง เเละมีการศึกษาในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนเเล้ว เเละเสนอคว่ำญัตติ รวมถึงได้มีการให้บาทบาทศาลรัฐธรรมนูญลดอำนาจรัฐสภาในการเเก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นจากเสรีภาพของประชาชน สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่อันตรายมากต่อประเทศไทยของเรา เเละระบบในรัฐสภาก็ล้มเหลว หากรัฐบาลยังไม่เเสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังคงปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้เพื่อที่รักษาอำนาจของตน ผมกลัวว่าสถานการณ์มันจะรุนเเรงยิ่งขึ้นเกืดกว่าทีรัฐบาลจะรับมือได้ “ นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนเเรงต่อผู้ชุมนุม เเละจากฝั่งที่ปรักปรำการชุมนุมเเละผู้เห็นต่าง ขอให้รัฐบาลเดินหน้าเปิดเวทีในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจังไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรายมาตราเเละทั้งฉบับ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการพูดคุยอย่างสันติให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันผู้กระทำผิดทั้งสองฝ่าย พบว่ารัฐมีการดำเนินการต่อผู้ชุมนุมเพียงฝ่ายเดียว เเต่ขาดการดำเนินคดีกับอีกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนที่ดำเนินขัดขวางการชุมนุม โดยขอให้มีการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม อย่าให้ประชาชนมองว่าเป็นการดำเนินการเเบบสองมาตรฐาน เพื่อไม่ให้การสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้ายเเรงไปกว่านี้ ที่ประเทศไทยอาจจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติโดยเเก้ไขไม่ได้