"ศรีสุวรรณ" ร้อง ป.ป.ช.สอบ 208 ส.ส.-ส.ว.

2021-03-22 15:50:41

 "ศรีสุวรรณ" ร้อง ป.ป.ช.สอบ 208 ส.ส.-ส.ว.

Advertisement

"ศรีสุวรรณ" ร้อง ป.ป.ช.สอบ 208 ส.ส.-ส.ว. ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาล รธน.หรือไม่

ดราม่าสนั่นครูห้ามเด็กสวม "เสื้อคลุมดาบพิฆาตอสูร" มา รร.

"คุณกรณ์ - ริต้า" น้ำตาไหลวินาทีแรกที่เห็นหน้า "น้องกวินท์" ลูกชายคนแรก

“แนท เกศริน” ลั่นแรงขายเซ็กซี่ไม่ได้ขายตัว หลังมีคนดราม่าชุดแซ่บ-เว้าสูงปรี๊ด

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัย กรณีกลุ่ม ส.ส. และ ส.ว.จำนวน 208 คนให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระสาม ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ว่าหากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 มี.ค.64ที่ผ่านมาที่ประชุมร่วมของรัฐสภากลับมีการลงมติต่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีเสียงเห็นชอบให้แก้ไข 208 เสียง ไม่เห็นชอบ 4 เสียง งดออกเสียง 94 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 136 เสียง ซึ่งผู้ที่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่สามดังกล่าว น่าจะขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ลงวันที่ 11 มี.ค.64 ที่ระบุว่า “การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจึงต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด 15 เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับ หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย จึงดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป "

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ซึ่งคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือว่าเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตาม ม.211 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้น รัฐสภาจึงไม่อาจลงมติในวาระที่สามของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ได้ ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นว่าการกระทำของสมาชิกรัฐสภาที่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวในวาะสามทั้ง สส. 206 คน และ ส.ว. 2 คนนั้น เป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ อย่างไร หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ขอให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยลงโทษ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น มีสมาชิกรัฐสภาที่เป็นพรรคการเมืองอีกไม่น้อยกว่า 8 พรรคการเมืองที่ให้ความเห็นชอบในวาระสามดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92(2) มีโทษถึงขั้นอาจถูกยุบพรรคได้ จึงขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนและมีความเห็นในเรื่องดังกล่าวด้วย