"ศาลฎีกา" สั่ง "ศาลอุทธรณ์" พิพากษาใหม่ คดี "ลูกเทพเทือก" พร้อมพวก รุก "ป่าเขาแพง"
"ธนาธร"ซัดคว่ำร่าง รธน.สะท้อนชนชั้นนำไม่ต้องการแก้
เปิดไทม์ไลน์"ผู้ป่วยมะเร็ง"ติดโควิด วันเดียวเสียชีวิต
"รร.กวดวิชานัทจรีย์"แจ้งด่วน"เด็ก ป.4"ติดโควิด
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีรายงานว่า นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบบรรณ พร้อมทนายความ เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีรุกป่าเขาแพง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพรชัย ฟ้าทวีพร ผู้จัดการ หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น, นายสามารถ เรืองศรี หรือโกเข็ก หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน, นายแทน เทือกสุบรรณ และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 14 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า โดยเหตุเกิดช่วงปี 2543-2544 โดยจำเลยที่ 1 และ 2 ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวา ส่วนจำเลยที่ 3 และ 4 ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง เนื้อที่ 14 ไร่ และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังศาลอ่านคำพิพากษาไม่ถึง 30 นาที นายแทน กลับลงมาพร้อมปฎิเสธไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3-4 ศาลสั่งจำคุกคนละ 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา ต่อมาในชั้นศาลอุทธรณ์ หลังศาลตรวจสำนวนแล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด โดยคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 1 และ 2 ถูกแบ่งว่าสำนวนคดีมีความเคลือบคลุมหรือไม่ชัดเจนในการบรรยายฟ้อง อัยการจึงยื่นฎีกาไปยังศาลฎีกา เพื่อขอให้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว โดยผลการวินิจฉัยของศาลฎีกา เห็นว่า สำนวนคดีไม่ได้เคลือบแคลงตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา จึงเห็นควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ศาลอุทธรณ์ จะเรียกสำนวนคดีจากศาลชั้นต้นมาประกอบการไต่สวนในชั้นอุทธรณ์ซึ่งจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อออกคำพิพากษาอุทธรณ์ใหม่ ส่วนจะมีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาจำเลยที่ 3 และ 4 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล